Forexthai.in.th ย่อให้
- บัญชี ECN (Electronic Communication Network) เป็นระบบที่ให้เทรดเดอร์ส่งคำสั่งซื้อขายเข้าสู่ตลาดได้โดยตรง ไม่ผ่านโบรกเกอร์ ทำให้เทรดได้เร็วและยืดหยุ่นกว่า
- จุดเด่นคือ spread ต่ำมาก เริ่มต้นที่ 0 pip ไม่มีการ requote ราคาใกล้เคียงตลาดจริง และเซิร์ฟเวอร์เร็ว เหมาะกับสไตล์ Scalping
- มีข้อจำกัดคือต้องใช้เงินเปิดบัญชีสูง (200-1,000 ดอลลาร์) และมีค่าคอมมิชชั่นทุกครั้งที่เทรด ประมาณ 7-10 ดอลลาร์ต่อล็อต
- เหมาะกับเทรดเดอร์มืออาชีพที่มีประสบการณ์ สามารถอ่านกราฟและวิเคราะห์ตลาดได้แม่นยำ รวมถึงมีเงินทุนเพียงพอ
- มือใหม่ควรเริ่มต้นที่บัญชี Standard หรือ Demo ก่อน แล้วค่อยพัฒนาไปสู่บัญชี ECN เมื่อมีความพร้อมทั้งประสบการณ์และเงินทุน
บัญชีที่เราใช้ในการเปิดเพื่อเทรด forex นั้นมีอยู่หลากหลายรูปแบบมาก ซึ่งแต่ละรูปแบบก็ออกแบบมาเพื่อให้เข้ากับแนวทางของตนเองมากยิ่งขึ้น สำหรับเทรดเดอร์ที่กำลังมองหาบัญชีเทรด Forex ที่ตอบโจทย์การทำกำไร วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับบัญชี ECN ซึ่งเป็นบัญชีที่สำคัญอีกหนึ่งบัญชี
บัญชี ECN คืออะไร?
ECN ย่อมาจาก Electronic Communication Network หรือเครือข่ายการสื่อสารอิเล็กทรอนิกส์ เป็นบัญชีที่ให้คุณส่งคำสั่งซื้อขายเข้าสู่ตลาดกลางได้โดยตรง โดยไม่ต้องผ่านตัวกลางอย่างโบรกเกอร์ ส่งผลให้การส่งคำสั่งซื้อขายสามารถทำได้อย่างรวดเร็ว และมีความยืดหยุ่นในการทำกำไรมากกว่าบัญชีประเภทอื่นๆ
และโบรกเกอร์ ECN ส่วนใหญ่ มักจะไม่ใช่คู่ตรงข้ามกับลูกค้า เพราะอย่างที่บอกว่าคำสั่งซื้อขายของเราจะเข้าสู่ตลาดกลางโดยตรงครับ โบรกก็จะไม่สามารถเก็บไว้กินเองได้ และยิ่งเราเทรดได้กำไรมากขึ้น มีการขยาย lot ในการเทรด ทางโบรกเขาก็จะได้กินในส่วนของค่า commission มากขึ้นนั่นเองครับ
ข้อดีของการเลือกใช้บัญชี ECN
1.ค่าสเปรดเริ่มต้นที่ 0
เรียกได้ว่าเป็นจุดเด่นที่สุดของบัญชี ECN เลยก็ว่าได้ เพราะค่าสเปรดเริ่มต้นที่ 0 pip นั่นหมายความว่าคุณมีโอกาสในการทำเงินได้มากกว่า และลดความเสี่ยงจากการแกว่งตัวของสเปรดได้ดี แม้ในช่วงที่ตลาดผันผวนหรือมีข่าวสำคัญ
แต่ถึงแม้บัญชีนี้ spread จะต่ำมากแต่อาจถูกหลอกตาด้วยค่าคอมมิชชั่นที่แพงกว่าก็ได้ ดังนั้น เราจำเป็นต้องคิดเป็นค่าบริการรวม (spread + commission) จึงจะได้ข้อมูลเชิงเปรียบเทียบที่ถูกต้องกว่าครับ
2. ไม่มีรีโควท (Requotes)
เมื่อมีช่าวแรงๆ อัตราสเปรดก็ยังคงเป็น 0 อยู่นั่นเอง ซึ่งเท่ากับว่าคุณก็ยังคงได้ประโยชน์จากค่าตัวนี้อยู่ และไม่ต้องกังวลว่าแม้ว่าเป็นช่วงเวลาสำคัญที่มีข่าว คุณอาจไม่สามารถเข้าเทรดได้อันเนื่องมาจากค่า สเปรดที่แปรผันจนแพงมาก
และอีกอย่างหนึ่ง เนื่องจากส่งคำสั่งตรงถึงตลาด จึงไม่มีปัญหาเรื่องการรีโควทที่ทำให้ราคาเปิดออเดอร์ไม่ตรงกับที่ต้องการ ในช่วงข่าวแรง ๆ เราจึงเปิด-ปิด Order ได้โดยระบบ ไม่ Delay นัก เมื่อเทียบกับบัญชีประเภทอื่นๆที่มักพบการ Delay ในช่วงข่าวแรงๆ จนไปถึงปัญหาการรีโควท (เปิด-ปิด order ไม่ได้) เลยทีเดียว
3. ราคาใกล้เคียงตลาดจริง
ด้วยระบบการส่งคำสั่งโดยตรง ทำให้ราคาที่ได้ใกล้เคียงกับราคาตลาดจริงมากที่สุด เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการความแม่นยำในการเข้าออเดอร์
4. เซิร์ฟเวอร์ความเร็วสูง
ความเร็วของระบบเซิฟเวอร์ที่เร็วมาก ช่วยให้เราสามารถเข้าไปจับกับราคาต่าง ๆ ในตลาดได้อย่างรวดเร็ว แถมได้ราคาที่ดีที่สุด และถูกที่สุดในขณะนั้น อีกทั้งการซื้อขายก็เป็นการเทรดร่วมกับผู้คนจากทั่วโลกด้วย ดังนั้นมันจึงง่ายสำหรับคุณนั่นเอง โดยเฉพาะสำหรับสไตล์การเทรดแบบ Scalping ที่ต้องการความเร็วในการเปิด-ปิดออเดอร์
ข้อจำกัดที่ควรรู้ก่อนเปิดบัญชี ECN
1. ใช้ยอดเงินในการเปิดบัญชีสูง
เงินฝากขั้นต่ำค่อนข้างสูง โดยทั่วไปต้องใช้เงินเริ่มต้นประมาณ 200 -1,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 7,000 – 35,000 บาท) โดยประมาณ ขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละโบรกเกอร์ ซึ่งส่งผลให้บัญชีนี้เหมาะสมกับผู้ที่มีเงินฝากเยอะมากในบัญชีนั่นเอง
2.ทุกครั้งที่มีการเทรดจะมีการหักค่าคอมมิชชั่น
แม้จุดเด่นของบัญชี ECN คือสเปรดต่ำ แต่สิ่งที่เทรดเดอร์ต้องคำนึงถึงคือ “ค่าคอมมิชชั่นที่ต้องจ่ายทุกครั้งที่เทรด” ซึ่งถือเป็นต้นทุนหลักของบัญชีประเภทนี้ โดยค่าคอมมิชชั่นจะคิดเป็นดอลลาร์ต่อล็อต เช่น 7-10 ดอลลาร์ต่อการเทรด 1 ล็อตมาตรฐาน
ดังนั้นก่อนตัดสินใจเปิดบัญชี ECN ควรคำนวณต้นทุนรวมทั้งหมด (สเปรด + คอมมิชชั่น) และเปรียบเทียบกับบัญชีประเภทอื่น เพราะบางครั้งแม้สเปรดจะต่ำ แต่เมื่อรวมค่าคอมมิชชั่นแล้วอาจมีต้นทุนสูงกว่าบัญชี Standard ที่ไม่มีค่าคอมมิชชั่น โดยเฉพาะถ้าคุณเป็นเทรดเดอร์ที่ชอบเทรดถี่ ยิ่งต้องคำนวณให้ดีว่าค่าคอมมิชชั่นจะกระทบกำไรของคุณมากแค่ไหน คิดให้ดีก่อนตัดสินใจครับ
บ
วิธีเช็คว่าบัญชีเราเป็นบัญชี ECN ไหม? ลักษณะเด่นของบัญชี ECN เครดิต By Trader Academy (TAT) Focus นาทีที่ 5:31-20:20
บัญชี ECN เหมาะกับใคร?
- เทรดเดอร์มืออาชีพที่มีประสบการณ์
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในการวิเคราะห์และใช้เครื่องมือเทรด เพราะต้องรู้จักบริหารต้นทุนและความเสี่ยงได้ดี โดยเฉพาะการวางแผนจัดการต้นทุนค่าคอมมิชชั่นที่เกิดขึ้นทุกครั้งที่เทรด
- นอกจากนี้ยังต้องมีประสบการณ์ในการอ่านกราฟและวิเคราะห์สภาวะตลาดได้แม่นยำ เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากความเร็วในการส่งคำสั่งและสเปรดต่ำได้อย่างเต็มที่
- เทรดเดอร์สาย Scalping
- เพราะความเร็วในการส่งคำสั่งและสเปรดต่ำ ทำให้สามารถทำกำไรจากการเคลื่อนไหวระยะสั้นได้ดี โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนหรือมีข่าวสำคัญ
- การที่ไม่มีรีโควทยังช่วยให้สามารถเปิด-ปิดออเดอร์ได้รวดเร็วตามที่ต้องการ เหมาะกับผู้ที่ชอบเทรดจับจังหวะสั้นๆ หลายรอบ
- แต่ต้องคำนวณค่าคอมมิชชั่นให้ดีเพราะยิ่งเทรดบ่อย ก็ยิ่งเสียต้นทุนตรงนี้เยอะเช่นกันครับ
- ผู้ที่มีเงินทุนเพียงพอ
- เนื่องจากมีเงินฝากขั้นต่ำและค่าคอมมิชชั่น จึงเหมาะกับผู้ที่มีเงินทุนพอสมควร โดยควรมีพอร์ตที่ใหญ่เพียงพอที่จะรองรับค่าใช้จ่ายต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นเงินฝากขั้นต่ำที่อาจสูงถึง 1,000 ดอลลาร์ และค่าคอมมิชชั่นที่ต้องจ่ายทุกครั้งที่เทรด
- นอกจากนี้ยังควรมีเงินสำรองสำหรับรองรับความผันผวนของตลาดด้วย เพราะการเทรดด้วยเงินทุนน้อยเกินไป อาจทำให้พอร์ตคุณแตกเร็วกว่าการใช้บัญชี standard ซะอีกจ้า
ความแตกต่างระหว่าง ECN กับบัญชี Standard
คุณลักษณะ | บัญชี ECN | บัญชี Standard |
---|---|---|
สเปรด | เริ่มต้นที่ 0 pip ต่ำกว่าบัญชี Standard | กว้างกว่า ประมาณ 1-3 pips สำหรับคู่เงินหลัก |
ค่าคอมมิชชั่น | มีค่าคอมมิชชั่นทุกครั้งที่เทรด (ประมาณ 7-10 USD/ล็อต) | ไม่มีค่าคอมมิชชั่น |
เงินฝากขั้นต่ำ | สูง (200-1,000 USD หรือประมาณ 7,000-35,000 บาท) | ต่ำกว่า หรือไม่มีขั้นต่ำเลย |
ความเร็วในการส่งคำสั่ง | เร็วมาก ส่งคำสั่งถึงตลาดโดยตรง | ช้ากว่า เพราะต้องผ่านโบรกเกอร์ |
การรีโควท (Requote) | แทบไม่มี แม้ในช่วงข่าวสำคัญ | มีโอกาสเกิดขึ้นได้สูงมาก โดยเฉพาะช่วงข่าวสำคัญ |
ราคาที่ได้ | ใกล้เคียงราคาตลาดจริงมากที่สุด | อาจมีความต่างจากราคาตลาดจริงบ้าง |
ความยืดหยุ่นในการเทรด | เหมาะกับการเทรดถี่และระยะสั้น | เหมาะกับการเทรดทั่วไปและระยะยาว |
การบริหารต้นทุน | ต้องคำนวณทั้งสเปรดและค่าคอมมิชชั่น | ง่าย คำนวณแค่ต้นทุนสเปรด |
สรุป
โดยสรุปแล้ว การเลือกประเภทของบัญชีกับการเทรด forex นั้น ให้เลือกบัญชีที่มีความสอดคล้อง เหมาะสมกับบริบทของการเทรดของเราเป็นสำคัญ ไม่อย่างนั้นแล้วแม้เราเลือกบัญชีเป็นแบบ ECN แต่บริบทการเทรดของเราไม่สอดคล้อง ก็อาจทำให้เราขาดทุนได้ง่ายๆ สู้ไปเลือกเปิดบัญชี pamm หรือ mam ยังปลอดภัยเสียกว่า
บัญชี ECN อาจให้ข้อได้เปรียบด้านสเปรดและความเร็ว แต่ก็มีต้นทุนในการเทรดอย่างค่าคอมมิชชั่นเข้ามาเพิ่มเติม ถ้าคุณเป็นเทรดเดอร์มือใหม่ แนะนำให้เริ่มต้นกับบัญชี Standard หรือ Demo ก่อน แล้วค่อยพัฒนาไปสู่บัญชี ECN เมื่อมีประสบการณ์และเงินทุนเพียงพอจ้า
ทีมงาน: forexthai.in.th