ดาวโจนส์ Dow Jones Industrial Average (DJIA) คือดัชนีตลาดหุ้นในสหรัฐอเมริกา ที่ประกอบไปด้วยบริษัทใหญ่ที่สุด 30 บริษัทจากตลาดซื้อขายหุ้น NYSE (ตลาดนิวยอร์ก) และ NASDAQ (ตลาดแนสแด็ก คอมโพสิต)
สารบัญบทความ click เพื่อเลือกอ่าน !!
ดาวโจนส์ กับการเทรดทองคำ
ดาวน์โจนส์ เป็นดัชนีที่มากจากบริษัทใหญ่ที่สุดของสหรัฐ ทั้ง 30 บริษัทรวมกัน ที่สะท้อนให้เห็นถึงสภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐ ว่ามีแนวโน้มหรือทิศทางเป็นอย่างไร ส่งผลต่อยอดมากถึงค่าเงิน เพราะถ้าดัชนีมีแนวโน้มสูงขึ้น จะนำมาซึ่งค่าเงินแข็งค่า และทองคำที่วิ่งสวนทางกับค่าเงิน ก็จะเป็นแนวโน้มขาลง
เทรดเดอร์ที่เทรดทองคำ จึงสามารถใช้ดัชนีนี้ เพื่อประกอบการวิเคราะห์ หรือตัดสินใจเทรดได้ ทุกครั้งที่มีเหตุการณ์ใด ๆ เกิดขึ้น เช่น ข่าวความขัดแย้งระหว่างประเทศ สงคราม หรือเหตุการณ์ใด ๆ ที่ทำให้ดัชนีมีความผันผวน ราคาทองคำในตลาด ก็อาจจะได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน
เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว
ความเกี่ยวข้องระหว่าง ดาวโจนส์ กับ ทองคำ
ดัชนี จะส่งผลต่อค่าเงิน ค่าเงินจะส่งผลต่อราคาทองคำ และสิ่งที่จะส่งผลต่อดัชนี นั่นก็คือภาพรวมของเศรษฐกิจ ถ้าเศรษฐกิจดีภาพรวมในหลาย ๆ ธุรกิจก็จะเป็นไปในทิศทางที่ดี แต่ถ้าภาพรวมเศรษฐกิจไม่ค่อยจะดีนัก ย่อมส่งผลต่อหลาย ๆ ธุรกิจ
แต่ในปัจจุบัน นอกจากสภาพเศรษฐกิจโดยรวมแล้ว นักลงทุนที่เข้ามาเก็งกำไร ทั้งในระยะยาวและระยะสั้น ย่อมส่งผลต่อดัชนี เศรษฐกิจ และราคาทองคำด้วยเช่นกัน
นักลงทุนทั่วโลก เมื่อต้องการที่จะซื้อหุ้นในสหรัฐ ก็จะต้องแลกเงินสกุลนั้น ๆ มาถือเป็นสกุลเงินดอลลาร์ และเมื่อทำการซื้อขายย่อมส่งผลต่อมูลค่าทรัพย์สิน ทำให้หุ้นมีราคาขึ้นหรือลง เมื่อราคาขึ้นหรือลงก็ย่อมส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจ และแน่นอนว่าย่อมส่งผลต่อยอดมาถึงราคาทองคำ และในความเป็นจริงการที่นักลงทุนนำเงินเข้าสู่ตลาด ก็จะเริ่มส่งผลกระทบต่อค่าเงินตั้งแต่แรกแล้ว และเมื่อเงินทุนก้อนนั้นโยกย้ายไปที่ใด ย่อมส่งผลต่อราคาเป็นทอด ๆ นั่นเอง
ทุกอย่างมีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันอยู่เสมอ
เทรดทองคำ ทำไมต้องติดตามตลาดหุ้น
ไม่ว่าจะเทรดสินทรัพย์อะไรก็ตามแต่ การติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวของผู้คนส่วนใหญ่ ว่ามีมุมมองต่อเหตุการณ์นั้น ๆ อย่างไร เพราะการลงทุนหรือการเทรดในตลาด Forex หรือทองคำ เทรดแนวทางเดียวกับผู้คนส่วนใหญ่ย่อมปลอดภัยกว่า
1. มุมมองต่อสถานการณ์
รู้อะไรไม่สู้ รู้ใจนักลงทุนส่วนใหญ่ เพราะนั่นคือเม็ดเงินมหาศาล ที่จะขับเคลื่อนกราฟหรือราคาของหุ้น ค่าเงิน ทองคำ เมื่อไหร่ก็ตามมีเหตุการณ์ที่สำคัญ ๆ เกิดขึ้น อันส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน ย่อมส่งผลต่อการเงินและเศรษฐกิจเช่นเดียวกัน ดังที่ได้กล่าวมาแล้ว นักลงทุนจะเข้ามาซื้อหุ้น ก็จะต้องแลกเงินในประเทศนั้น ๆ ก่อน จากนั้นเงินจะไหลไปยังสินทรัพย์ใด ก็ขึ้นอยู่กับนักลงทุนอีกที ดังนั้นความเชื่อมั่นต่อสถานการณ์นั้น ๆ จึงเป็นเรื่องที่สำคัญ
2. เงินไหลไปยังทิศทางใด
นักลงทุน ก่อนที่จะเข้าไปลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐ ก็จะต้องแลกหรือซื้อสกุลเงินดอลลาร์ก่อน นั่นหมายถึงความต้องการของเงินมีเพิ่ม เงินก็มีโอกาสที่จะแข็งค่าขึ้น อยู่ที่ปริมาณของความต้องการ จากนั้นเงินจะไหลไปยังสินทรัพย์ใด ๆ ก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของนักลงทุน ถ้ามีเหตุการณ์ความรุนแรงระหว่างประเทศ สงคราม เงินก็อาจจะไหลไปหาทองคำ ทองคำมีราคาขึ้นนั่นเอง หรือเงินไหลออกจากทองคำ ไปยังตลาดหุ้น หุ้นก็มีการปรับตัวขึ้น ทองคำก็จะปรับตัวลดลงนั่นเอง
3. ข่าวนั้นจริงหรือหลอก
เมื่อมีเหตุการณ์ความไม่สงบ ความรุนแรง หรือการประกาศของบุคคลสำคัญ เมื่อมีข่าวออกมา ข่าวนั้นจะจริงหรือหลอก สามารถสักเกตุได้ที่ตลาดหุ้น ค่าเงิน หรือสินทรัพย์ใด ๆ ในประเทศเสมอ เช่น เมื่อมีข่าวความขัดแย้งระหว่างประเทศ ตลาดหุ้นยังคงนิ่ง ๆ นั่นแสดงว่าข่าวนั้นอาจจะไม่ได้รับการตอบสนองเท่าไร แต่ถ้าตลาดหุ้นมีความผันผวน เป็นไปได้ว่าสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างเช่นทองคำ มีโอกาสที่จะพุ่งในไม่ช้า
4. จะเทรดอย่างไรต่อจากนี้
ทองคำและสกุลเงินดอลลาร์ จะวิ่งสวนทางกันเสมอ ถ้าค่าเงินแข็งทองคำก็จะวิ่งลง และถ้าค่าเงินอ่อนทองคำก็จะพุ่งขึ้น ปัจจัยที่จะทำให้ค่าเงินก่อนหรือแข็งนั่นก็คือพื้นฐานทางเศรษฐกิจ และเงินทุนที่ไหลเข้าของนักลงทุน บางครั้งตลาดหุ้นพุ่งขึ้นสูง แต่ทองคำยังคงนิ่ง ๆ ก็เป็นไปได้ ขึ้นอยู่กับว่าเงินก้อนนั้น จะไหลไปยังสินทรัพย์ใด ดังนั้นเทรดเดอร์จึงควรสักเกตุดัชนีต่าง ๆ ไม่เพียงดัชนีดาวโจนส์เท่านั้น สินทรัพย์ชั้นนำ เป็นที่นิยมของเทรดเดอร์และนักลงทุน ย่อมมีส่วนเกี่ยวข้องและสัมพันธ์กันทั้งสิ้น
เงินทุนที่หมุนเวียนในตลาด
คงไม่มีใครที่จะฝากและถอนกันทุก ๆ วัน นักลงทุนทั่วโลกส่วนใหญ่ ก็จะแบ่งเงินที่สามารถนำมาลงทุนได้ เข้ามาในตลาดทุน เมื่อมีคนได้ก็ย่อมมีคนเสีย แม้จะมีบางคนได้หรือเสีย เงินทุนที่อยู่ในตลาดก็ไม่ได้ไหลออกไปไหน ผู้ชนะอาจจะถือไว้หรือเปลี่ยนรูปแบบในการทำกำไร
ดังนั้น เงินทุนที่เปลี่ยนจากสกุลอื่น ๆ มาเป็นดอลลาร์ แล้วนำดอลลาร์ไปซื้อหุ้น ทองคำ น้ำมัน ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเอาทองคำมาถือ หรือครองน้ำมันเอาไว้ เพียงเปลี่ยนรูปแบบในการถือสินทรัพย์เท่านั้น
เงินที่หมุนเวียนไปไหลเวียนมา จึงส่งผลต่อเศรษฐกิจ ค่าเงิน ทองคำเสมอ เช่น เมื่อมีเหตุการณ์ไม่ปกติ สงคราม เงินอาจจะไหลออกจากตลาดหุ้น ไปอยู่ในสินทรัพย์ปลอดภัยเช่นทองคำ เมื่อเหตุการณ์นั้นสงบหรือมีปัจจัยอื่นใดเข้ามาแทนที่ เงินก็อาจจะไหลจากทองคำ เปลี่ยนไปอยู่ในสินทรัพย์อื่นๆ ได้เช่นเดียวกัน
เงินทุนก้อนเดิม แค่เปลี่ยนมือหมุนเวียนอยู่อย่างนั้น
สรุป
เพราะทุกอย่าง มีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันไม่มากก็น้อย เงินทุนที่หมุนเวียนอยู่ในตลาดไม่ได้ไปไหน เพียงจะเปลี่ยนรูปแบบ เปลี่ยนมือ หรือหมุนเวียนไปเรื่อย ๆ คนชนะได้กำไรก็ใช่ว่าจะถอนออกมาทันที คนเอาเงินเข้าสู่ตลาดทุน ก็ใช่ว่าจะเงินจะหายไปไหน
เพียงจะหมุนเวียนเปลี่ยนสินทรัพย์ ทั้งได้และเสีย กำไรและขาดทุน สลับเปลี่ยนมือกันอยู่อย่างนั้น การเทรดทองคำถ้าเข้าใจเรื่องนี้และรู้จักสังเกตุว่า ตอนนี้เงินหมุนเวียไปอยู่ในรูปแบบใด ก็อาจจะคาดเดาทิศทางของกราฟได้เลย
เพราะบางช่วงเวลา ปัจจัยทางเทคนิคก็ใช้ไม่ได้ผล มักจะมีเหตุการณ์ใด ๆ ที่ทางเทคนิคอธิบายไม่ได้ว่า ทำไมกราฟจึงเคลื่อนที่แบบนั้น มีเพียงปัจจัยพื้นฐานที่เกิดขึ้น ที่จะสามารถอธิบายได้ว่า ทำไมกราฟจึงขึ้นหรือลง