Forexthai.in.th ย่อให้

  • หลักการของระบบ: เป็นระบบเทรดที่ใช้กราฟรายวัน (D1) เป็นฐานวางแผน และเข้าเทรดในช่วงต้นแท่งใหม่ โดยมีเครื่องมือหลักคือ SMA(5 และ Bollinger Bands
  • การหาสัญญาณที่มีคุณภาพ: ใช้ร่วมกับรูปแบบแท่งเทียนที่แข็งแรง เช่น: Bullish/Bearish Engulfing, Pin Bar, หรือ Marubozu
  • การตั้ง SL และ TP: ใช้จุด Swing High/Low ล่าสุด 
  • แนวทางหลีกเลี่ยงความเสี่ยง: หลีกเลี่ยงการเข้าเทรดก่อนข่าวสำคัญ เช่น NFP, FOMC, CPI ใช้ปฏิทินข่าวช่วยตัดสินใจก่อนเทรดทุกวัน
  • จุดเด่นของระบบ: ใช้เวลาเทรดน้อยจึงเหมาะกับคนมีงานประจำ ระบบเรียบง่าย ไม่มีอินดิเคเตอร์ซับซ้อน
  • จุดอ่อนของระบบ: สัญญาณมาช้าเพราะต้องรอปิดแท่ง D1 จึงไม่เหมาะกับคนใจร้อน และไม่มีระบบ trailing stop อัตโนมัติ

ระบบเทรด Daily Trading using SMA สามารถสร้างกำไรรายเดือนได้ ด้วยการเทรดรายวัน

ระบบเทรด “Daily Trading using SMA” เป็นระบบเทรดในตลาด Forex ที่ออกแบบมาให้มีความเรียบง่าย ปลอดภัยต่อเงินทุน และสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงในระยะยาว โดยเน้นการวิเคราะห์จากกราฟรายวัน (D1) แล้วใช้ช่วงเวลาเพียง 15 นาทีต่อวัน หลังจากแท่งเทียนรายวันปิดเพื่อวางแผนเทรดในแต่ละครั้ง เป็นระบบที่เหมาะมากสำหรับคนที่มีเวลาน้อยหรือไม่อยากเฝ้าหน้าจอ ไปเรียนรู้วิธีการใช้ระบบเทรดกันเลย


ข้อมูลเบื้องต้น

แนวคิดหลักของระบบเทรด Daily Trading using SMA คือการวิเคราะห์ Forex จากกรอบเวลา Daily เพื่อมองภาพใหญ่และกรองสัญญาณเทรดที่มีคุณภาพสูง โดยมีองค์ประกอบดังนี้

  • เข้าเทรดตามแนวโน้มหลัก โดยใช้ SMA และ Bollinger Bands ช่วยยืนยันการเคลื่อนไหวของราคา
  • ลดเวลาในการดูจอ โดยใช้เพียงไม่กี่นาทีต่อวัน ทำให้เหมาะกับผู้ที่มีเวลาจำกัด หรือไม่ต้องการเฝ้ากราฟตลอดเวลา
  • เน้นการควบคุมความเสี่ยง เป็นหัวใจหลัก โดยใช้เครื่องมือช่วยตั้ง SL/TP อย่างมีระบบ
กราฟแสดง SMA และ Bollinger Bands
Indicator ที่เป็นเครื่องมือที่ใช้มีเพียง SMA และ Bollinger Bands เท่านั้น

เครื่องมือที่ใช้ในระบบ

มีการใช้ Indicator เพื่อเป็นเครื่องมือวิเคราะห์ราคาอยู่ 2 ตัว คือ

  1. Simple Moving Average (SMA)
    • พารามิเตอร์:
      • Period: 5
      • Shift: -3 ตั้งเพื่อ “เลื่อนเส้นค่าเฉลี่ย” ไปล่วงหน้า
    • ใช้เพื่อระบุตำแหน่งของราคาปัจจุบันเทียบกับแนวโน้มเฉลี่ยระยะสั้นที่ถูกเลื่อนมาข้างหน้า ทำให้มองเห็น “การเคลื่อนไหวล่วงหน้า” ของแนวโน้มที่แท้จริงได้ชัดขึ้น
  1. Bollinger Bands
    • ค่าเริ่มต้น (Period 20, StdDev 2)
    • ใช้เพื่อประเมินสภาวะของตลาดว่าอยู่ในโซน Overbought / Oversold หรือมี ความผันผวนสูงหรือต่ำ
    • ใช้เพื่อช่วยในการตัดสินใจจุดเข้า-ออก และตั้งระดับ Stop Loss (SL) / Take Profit (TP)

เวลาที่ใช้ในการวางแผน

ระบบเทรดตัวนี้มีแนวคิดหลักในเรื่อง Time Freme ดังนี้

  • หลังปิดแท่งเทียน D1 (Daily)
  • ใช้เวลา 15 นาที เพื่อวิเคราะห์แท่งเทียนล่าสุด
  • มองหาสัญญาณจากตำแหน่งของราคากับ SMA และ Bollinger Bands
  • วางแผนการเทรดสำหรับในแต่ละวันเพื่อหา จุดเข้า, SL, TP, และบริหารความเสี่ยง
แผนการเทรดใช้กราฟ D1 และ M15
แผนการเทรด ของระบบเทรด ทำตามได้ง่าย

แผนการเทรด 

Trading Plan หรือว่าแผนการเทรดของระบบ ขอจัดออกเป็นหมวดหมู่ให้ชัดเจน เพื่อให้ใช้งานง่าย สำหรับการเทรดอย่างมีวินัยและเป็นระบบ ดังนี้

กรอบเวลาหลัก (Time Frame):

  • D1 (Daily): ใช้ในการวิเคราะห์แนวโน้ม และพฤติกรรมของราคา
  • M15 (15 นาที): ใช้ในการเข้าออเดอร์หลังจากปิดแท่ง D1 เพื่อหาจุดเข้าในวันใหม่

หลักการหาสัญญาณเข้าเทรด:

  • การกรองแนวโน้ม โดยหลักให้ดูจากกราฟ D1 คือ:
  • ถ้าราคา อยู่เหนือ SMA และมีทิศทางขึ้น ให้มองหาสัญญาณ Buy
  • ถ้าราคา อยู่ต่ำกว่า SMA และมีทิศทางลง ให้มองหาสัญญาณ Sell
  • หมายเหตุ: ควรให้แท่งเทียนปิดอยู่เหนือหรือต่ำกว่า SMA อย่างชัดเจน ไม่ใช่แค่แทงทะลุเล็กน้อย
  • ยืนยันด้วย Bollinger Bands
  • ราคาเบรก Band บนหรือ Band ล่างในทิศทางเดียวกับแนวโน้ม หมายความว่าสัญญาณมีคุณภาพสูง
  • หากราคาเคลื่อนกลับจากขอบ Band ไม่ว่าขอบบนหรือล่าง อาจเป็นจังหวะจบคลื่นหรือจุดกลับตัว ให้เลี่ยงเทรดสวนแนวโน้ม

เคล็ดลับการคัดกรอง “สัญญาณคุณภาพสูง”

หลีกเลี่ยงการเข้าเทรดก่อนข่าวสำคัญ

แน่นอนครับ การหลีกเลี่ยงการเข้าเทรดก่อนข่าวสำคัญ เช่น Non-Farm Payroll (NFP), FOMC Meeting, CPI, Interest Rate Decisions ฯลฯ ถือเป็นแนวทาง ลดความเสี่ยงที่สำคัญ ของระบบเทรด ทำไมต้องหลีกเลี่ยงการเทรดก่อนข่าวใหญ่?

  1. ความผันผวนสูงผิดปกติ (High Volatility)
    • เมื่อข่าวสำคัญกำลังจะประกาศ ตลาดจะเริ่มเคลื่อนไหวรุนแรง และไม่แน่นอน
    • ราคามักสวิงแรงในช่วงเวลาไม่กี่นาที โดยอาจ ทะลุ SL หรือ TP อย่างไม่มีแบบแผน
    • กราฟอาจเกิด spike หรือ “fake breakout” ได้ง่าย
  1. พฤติกรรมของแท่งเทียนก่อนข่าว ไม่น่าเชื่อถือ
    • สัญญาณจากแท่งเทียน D1 ที่เกิดขึ้นก่อนวันข่าว อาจ ไม่ใช่ตัวแทนของแรงซื้อขายที่แท้จริง
    • ราคามัก “สะสมพลัง” หรือเคลื่อนไหวผิดธรรมชาติเพื่อ “หลอกนักเทรด” ก่อนข่าวออก
    • ทำให้สัญญาณ Buy/Sell จากระบบมีโอกาสล้มเหลวสูง
  1. Spread และ Slippage กว้างขึ้น
    • ก่อน/ระหว่างข่าว บางโบรกเกอร์ขยาย Spread หรือเกิด Slippage หนัก
    • โดยเฉพาะในคู่เงินที่เกี่ยวข้องกับข่าว เช่น EURUSD (เมื่อ FOMC, NFP), GBPUSD (เมื่อมีข่าวอังกฤษ)
    • ส่งผลให้การตั้ง SL/TP แบบแคบเสี่ยงโดนลาก แม้ราคาจะวิ่งตามแผน
ปฏิทินข่าวเศรษฐกิจ Forex Factory
ภาพตัวอย่าง การเช็กปฏิทินการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจของเว็บ Forexfactory.com

วิธีหลีกเลี่ยงข่าวสำคัญ

เช็กปฏิทินข่าวล่วงหน้า ใช้เว็บไซต์เช่น:

  • forexfactory
  • myfxbook
  • เลือกดูเฉพาะข่าวความสำคัญระดับ “High Impact” (สีแดง)

โฟกัสคู่เงินที่ไม่เกี่ยวข้องกับข่าว

  • เช่น ถ้ามีข่าว USD หนัก:
  • หลีกเลี่ยง EURUSD, GBPUSD, XAUUSD
  • มองไปที่ AUDCAD, NZDCHF หรือคู่ Cross Currency อื่นแทน

การคัดกรองด้วยรูปแบบแท่งเทียน

การใช้รูปแบบแท่งเทียน (Candlestick Patterns) ในการ “ยืนยัน” หรือ “กรองคุณภาพ” ของสัญญาณ เป็นเทคนิคที่ช่วยเพิ่มความแม่นยำได้มาก โดยรูปแบบแท่งเทียนที่สนับสนุนสัญญาณเทรด มีดังนี้

 รูปแบบแท่งเทียนคุณภาพสูง
รูปแบบแท่งเทียนที่มีคุณภาพ
  1. Bullish Engulfing / Bearish Engulfing
    • ลักษณะ: แท่งเทียนปัจจุบัน กลืนแท่งก่อนหน้า ทั้งตัว
    • สื่อถึง: การกลับตัวที่ชัดเจน
    • การใช้ในระบบ: ถ้าเกิดบริเวณขอบ Bollinger Bands ตรงกับทิศทางของ SMA เป็นสัญญาณแข็งแรง
  1. Pin Bar
    • ลักษณะ: ไส้เทียนยาวมากทางด้านใดด้านหนึ่งและตัวแท่งเล็กหรือแคบ
    • สื่อถึง: แรงปฏิเสธราคาจากจุดสุดขีด
    • การใช้ในระบบ: ถ้าเกิดที่ขอบล่างของ BB คือ Buy ถ้าเกิดที่ขอบบนของ BB คือ Sell ต้องให้ปิดแท่งอยู่ เหนือหรือใต้ SMA ด้วย
  1. Inside Bar
    • ลักษณะ: แท่งปัจจุบันอยู่ “ภายใน” แท่งก่อนหน้า
    • สื่อถึง: การสะสมพลัง ก่อน breakout
    • การใช้ในระบบ: มักตามมาด้วยแท่ง breakout ที่แรง ให้รอการเบรกจาก inside bar ในทิศทางเดียวกับ SMA
  1. Strong Marubozu
    • ลักษณะ: แท่งยาว มีลำตัวเต็ม ไม่มีไส้ (หรือไส้น้อย)
    • สื่อถึง: ความมั่นใจของฝั่งซื้อหรือขาย
    • การใช้ในระบบ: ใช้เป็น “แท่งยืนยันแนวโน้ม” ถ้าเกิดหลังเบรก SMA ยิ่งน่าเชื่อถือ
 รูปแบบแท่งเทียนที่ควรหลีกเลี่ยง
รูปแบบแท่งเทียนที่ควรหลีกเลี่ยงในการเทรด

รูปแบบแท่งเทียนที่ควรหลีกเลี่ยง

  1. Doji
    • ลักษณะ: แท่งเทียนเล็ก ไม่มีตัวแท่งชัดเจน / เปิด-ปิดใกล้กันมาก
    • สื่อถึง: ความไม่แน่นอนของตลาด
    • ในระบบนี้: ไม่ควรใช้เป็นสัญญาณเข้าหลัก อาจเป็นช่วงพักตัว
  1. Spinning Top
    • ลักษณะ: ตัวแท่งเล็ก ไส้บน-ล่างยาวพอ ๆ กัน
    • สื่อถึง: ตลาดลังเล ไม่มีฝ่ายชนะชัดเจน
    • ในระบบนี้: เป็นสัญญาณอ่อนแรง ไม่ควรเข้าเทรดทันทีหลังเกิด

เงื่อนไขการเทรด

สำหรับเงื่อนไขการเข้าออเดอร์ (Entry) จะมีดังนี้

สัญญาณ Buy Setup บนกราฟ
เงื่อนไขการเทรดแบบ Buy Setup

Buy Setup:

  1. ราคาต้องอยู่เหนือเส้น SMA
  2. แท่งเทียน D1 ล่าสุดเป็นแท่งเขียว (หรือ bullish engulfing)
  3. ราคาไม่อยู่ในโซน overbought ตาม Bollinger Bands
  4. เข้าออเดอร์ Buy ที่กราฟ M15 เมื่อตลาดวันใหม่เปิด (เช่น 05:00 หรือ 06:00 ตามโบรก)
สัญญาณ Sell Setup บนกราฟ
เงื่อนไขการเทรดแบบ Sell Setup

Sell Setup:

  1. ราคาต้องอยู่ต่ำกว่า SMA
  2. แท่งเทียน D1 ล่าสุดเป็นแท่งแดง (หรือ bearish engulfing)
  3. ราคาไม่อยู่ในโซน oversold ตาม Bollinger Bands
  4. เข้าออเดอร์ Sell ที่กราฟ M15 เมื่อตลาดวันใหม่เปิด

การตั้ง SL และ TP

Stop Loss (SL):

  • ควรวางให้ต่ำกว่าหรือเหนือกว่าแท่งเทียน D1 ล่าสุดเล็กน้อย (ประมาณ 15 pips)

Take Profit (TP):

  • เป้าหมายเบื้องต้น = 1.5 ถึง 2 เท่าของ SL (Risk\:Reward = 1:1.5 หรือ 1:2)
  • ใช้เส้นกลางของ Bollinger Bands หรือขอบฝั่งตรงข้ามเป็นแนววัด TP

การบริหารเงิน (Money Management)

  • ควรเสี่ยงต่อการเทรดในแต่ละครั้ง ไม่เกิน 5% ของทุน ต่อครั้ง
  • หากมีสัญญาณหลายคู่ ให้เลือกเฉพาะคู่ที่มีคุณสมบัติตรงตามเกณฑ์ครบถ้วนเท่านั้น

บันทึกการเทรด (Trading Journal)

ควรมีการจดบันทึกประวัติการเข้าเทรดในแต่ละครั้ง ดังนี้

  1. วันที่เข้าเทรด
  2. เหตุผลในการเข้า
  3. SL / TP
  4. ผลลัพธ์
  5. ข้อสังเกต/บทเรียน
จุดอ่อนของระบบเทรด
จุดอ่อนของระบบเทรดที่ควรใส่ใจ

จุดอ่อนของระบบ

สิ่งที่เป็นจุดอ่อนที่ผู้ใช้งานควรตระหนักและบริหารจัดการอย่างเหมาะสม เพื่อให้การใช้งานระบบมีประสิทธิภาพสูงสุด มีดังนี้

  1. สัญญาณมาช้า (Lagging Entry): เนื่องจากระบบใช้แท่งเทียน D1 ในการวิเคราะห์ สัญญาณการเทรดจึงเกิด “หลังจากแนวโน้มเริ่มไปแล้ว” ทำให้บางครั้งพลาดโอกาสในการเข้าใกล้จุดกลับตัว หรือได้จุดเข้าไม่ดีที่สุด
  2. การใช้ Shift -3 ของ SMA ต้องอาศัยความเข้าใจลึก: SMA (5, -3) เป็นการ “เลื่อนเส้นค่าเฉลี่ย” ไปล่วงหน้า ทำให้ดูเหมือนบอกอนาคต อาจทำให้เข้าใจผิดในการตีความว่าแนวโน้มกำลังกลับตัว ทั้งที่จริงอาจเป็นการเคลื่อนไหวตามปกติ
  3. ไม่นิยม Trailing Stop หรือ Exit แบบไดนามิก: ระบบนี้ใช้ SL/TP แบบตายตัว ซึ่งอาจไม่เหมาะเมื่อราคาเกิดการเร่งตัวแรง บางครั้งได้กำไรส่วนหนึ่งแล้วราคากลับตัวไปโดน SL

สรุป

ระบบเทรด Daily Trading using SMA เป็นระบบที่ออกแบบมาให้เรียบง่าย ใช้เวลาในการวางแผนเพียงวันละ 15 นาที โดยใช้กราฟรายวัน (D1) เป็นฐานในการวิเคราะห์และเข้าเทรดในช่วงต้นของแท่งใหม่ เพื่อดูแนวโน้มล่วงหน้า และเพื่อจับขอบเขตแรงซื้อขาย

ระบบเทรดตัวนี้จะเลือกจุดเข้าเทรดที่สอดคล้องกับทิศทางของ SMA และมีรูปแบบแท่งเทียนที่แข็งแรง การตั้ง Stop Loss และ Take Profit จะอิงจากจุด Swing เพื่อรักษาอัตรา Risk\:Reward ไม่น้อยกว่า 1:2

ต้องขอบอกเลยว่าระบบเทรดนี้ไม่เหมาะกับผู้ที่ต้องการเทรดแบบถี่ ๆ หรือใจร้อน แต่อย่างไรก็ตาม ระบบนี้กลับเหมาะอย่างยิ่งกับผู้ที่มีงานประจำ หรือผู้ที่ต้องการระบบที่ควบคุมความเสี่ยงได้ดี เข้าใจง่าย และยึดหลักวินัยเป็นสำคัญในการเทรดอย่างยั่งยืน เทรดเดอร์ท่านใดที่อยากเห็นตัวเลขกำไรเมื่อถึงสิ้นเดือน เหมาะที่จะนำไปใช้นะครับ

ทีมงาน: forexthai.in.th

แสดงข้อคิดเห็น ให้กำลังใจ

comments

สารบัญบทความ