Forexthai.in.th ย่อให้
- Currency Strength Meter คือเครื่องมือวัดความอ่อน-แข็งของค่าเงิน
- ช่วยให้เทรดเดอร์คาดการณ์ทิศทางราคาได้ง่ายขึ้น
- มีหลายรูปแบบ เช่น Indicator ที่ใช้ MA และ ADX, เว็บไซต์แสดงค่าเป็นเฉดสี, และ Heat Map ของ Myfxbook
- ในการใช้ ต้องระมัดระวังช่วงประกาศข่าวสำคัญ เพราะค่าเงินอาจเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
Currency Strength Meter คือ ตัววัดค่าความอ่อน-แข็งค่าสกุลเงิน จะสามารถช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่ากราฟ (ราคา) ของหุ้น Forex จะมีราคาไปในทิศทางใด
ถึงแม้ว่า การจับคู่ความแข็งแกร่งของค่าเงินนั้นเราจะเลือกมาถูกคู่แล้วก็ตาม แต่สิ่งที่ยังคงต้องระวัง ก็คือ เรื่องของข่าวสารตัวเลขเศรษฐกิจที่จะมีผลทำให้ความแข็งแกร่งนั้นเปลี่ยนแปลงไปด้วยนะครับ อีกทั้งกราฟราคายังขึ้นอยู่กับปัจจัยของความต้องการซื้อขายทั่วโลกด้วย
ตัววัดค่าความอ่อน-แข็งค่าสกุลเงิน ที่นำมาเสนอในบทความนี้ จะเป็น “indicator ที่นำมาใช้วัดค่าความแข็งของคู่เงิน” และ เว็บไซต์ที่บอกค่าความแข็งของค่าเงิน” ครับ โดยรวบรวมมาในจำนวนที่พอสมควร มาดูตัวแรกกันเลย
สารบัญบทความ click เพื่อเลือกอ่าน !!
1.Currency Strength Indicator
โดย Currency Strength Indicator ตัวนี้ จะใช้ค่าจาก Moving Averages และ ADX เพื่อกำหนดค่าและยืนยันความอ่อน-แข็งค่าของสกุลเงิน โดยตัววัดค่าความอ่อน-แข็งค่าสกุลเงินจะอ่านจากทุกคู่สกุลเงินใน forex ช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาและใช้การคำนวณราคาของแต่ละสกุลเงิน จากนั้นก็จะแบ่งระดับความอ่อน-แข็งค่าของสกุลเงินเป็น 4 ระดับดังนี้
- สีชมพู 0 – 10.0 ค่าสกุลเงินแข็งมาก
- สีเขียว 0 – 6.9 ค่าสกุลเงินแข็ง
- สีน้ำเงิน 9 – 4.9 ค่าสกุลเงินอ่อน
- สีแดง 0 – 2.8 ค่าสกุลเงินอ่อนมาก
จากภาพ
- ตระกูล CHF, JPY, CAD แสดงเป็นสีเขียว อยู่ในช่วง 5.0 – 6.9 ก็ถือว่า ค่าเงินอยู่ในเกณฑ์ที่แข็ง
- ตระกูล EUR, AUD แสดงเป็นสีน้ำเงิน อยู่ในช่วง 2.9 – 4.9 ถือว่าค่าเงินอยู่ในระดับอ่อน
- NZD, USD แสดงค่าเป็นสีแดง อยู่ในช่วง 0.0 – 2.9 ถือว่าค่าเงินอยู่ในระดับอ่อนมาก
- บรรทัดสุดท้าย => GBPAUD 2.4 BUY เป็นการแสดง “ค่าความอ่อนแข็ง” ของกราฟคู่เงินที่เราลากไปวางไว้
การคำนวณของอินดิเคเตอร์ จะใช้การหารของคู่เงินสองสกุล มาเป็นตัวหาร ลองนำมาคู่ EUR/USD มาคำนวณครับ
- EUR/USD => EUR: 3.7 หาร USD: 2.1 = 1.76 ค่าออกมาเป็น บวก ดังนั้น คู่ EUR/USD กราฟควรจะเป็นขาขึ้นครับ
- AUD/USD => AUD: 3.4 หาร USD: 2.1 = 1.61 ค่าออกมาเป็น บวก ดังนั้น คู่ AUD/USD กราฟควรจะเป็นขาขึ้นครับ
- USD/JPY => USD: 2.1 หาร JPY: 5.9 = 0.35 ค่าออกมา บวก แต่ต่ำกว่า 1 คู่ USD/JPY ยังน่าจะเป็นขาลงอยู่ครับ
2. Currency Strength Meter
เป็น Indicator ใช้ในการช่วยวัดระดับ “ความแข็ง/อ่อนของสกุลเงิน” ต่างๆ อีกตัว โดยนำเอาสกุลเงินหลักของโลกมารวมไว้ โดย เริ่มจาก USD, EUR, GBP, CHF, CAD, AUD, NZD, และ JPY
ในการตั้งค่าอินดิเคเตอร์ เราสามารถเลือกตั้งค่าได้ และการคำนวณของอินดิเคเตอร์ จะใช้การหารของคู่เงินสองสกุล มาดูตัวอย่างของคู่เงินคู่แรกกัน
- EUR/USD => EUR: 5.0 หาร USD: 4.1 = 1.21 ค่าออกมาเป็น บวก ดังนั้น คู่ EUR/USD กราฟควรจะเป็นขาขึ้นครับ
- AUD/USD => AUD: 5.0 หาร USD: 4.1 = 1.21 ค่าออกมาเป็น บวก ดังนั้น คู่ AUD/USD กราฟควรจะเป็นขาขึ้นครับ
- USD/JPY => USD: 4.1 หาร JPY: 6.2 = 0.66 ค่าออกมา บวก แต่ต่ำกว่า 1 คู่ USD/JPY ยังน่าจะเป็นขาลงอยู่ครับ
นี่เป็นตัวอย่างคู่เงินหลัก ๆ ที่นำมาเสนอกัน แต่!จะใช้ใด้ในกรณีไม่มีข่าวที่แรง ๆ นะ หากเจอข่าวแรง ๆ แบบ FED, Nonfarm ก็ไม่รับประกันนะครับ ค่าความแข็งความอ่อนเปลี่ยนแน่ แนะนำหลีกเลี่ยงข่าวครับ อันตราย
3. Currency Strength Meter V1.1
เป็น Indicator ใช้ในการช่วยวัดระดับ ความแข็ง/อ่อน ของสกุลเงินต่างๆ ซึ่งสามารถนำมาใช้พิจารณาดูแนวโน้มของคู่เงินต่างๆ ในแต่ละวัน โดยความแข็ง-อ่อนของสกุลเงินนั้น มีระดับตั้งแต่ 0-10
- คะแนน 10 = แข็งที่สุด
- คะแนน 0 = อ่อนที่สุด
ในภาพ เรามาเริ่มไล่เรียงความแข็งของค่าเงิน ตามลำดับลงมา เริ่มจาก 7.1 CHF ที่ค่าแข็งมาเป็นอันดับ 1 ไล่ไปจนตัวสุดท้ายคือ USD มีค่า 2.0 ที่ค่าเงินอ่อนที่สุดอยู่รั้งท้าย
วิธีการเปิดออเดอร์ คือ คู่เงินที่ค่ามาก ให้เปิดออเดอร์ buy และค่าน้อยเปิดออเดอร์ sell เช่น CHF, GBP, JPY รอจังหวะเปิด Buy ส่วน AUD, NZD, USD รอจังหวะ Sell โดยรวม ๆ แล้ว ใช้งานไม่ยากครับ หรือจะใช้การเอาคู่เงินมาตั้งหารกันก็ยังได้
- EUR/USD => EUR: 3.6 หาร USD: 2.0 = 1.8 ค่าออกมาเป็น บวก ดังนั้น คู่ EUR/USD กราฟควรจะเป็นขาขึ้นครับ
- AUD/USD => AUD: 3.4 หาร USD: 2.0 = 1.7 ค่าออกมาเป็น บวก ดังนั้น คู่ AUD/USD กราฟควรจะเป็นขาขึ้นครับ
- USD/JPY => USD: 2.0 หาร JPY: 6.9 = 0.28 ค่าออกมา บวก แต่ต่ำกว่า 1 คู่ USD/JPY ยังน่าจะเป็นขาลงอยู่ครับ
บทความแนะนำสำหรับผู้เริ่มเทรด Forex
4. เว็บ Livewcharts.co.uk/currency
เว็บ livecharts.co.uk เป็นเว็บใช้บอกความอ่อนและแข็งของค่าเงิน โดยจะแสดงค่าเป็น “เฉดสี” ไล่เรียงขึ้นไป ซึ่งในตัวเว็บจะแสดงสกุลเงินหลัก แต่จะไม่สามารถคำนวณได้แบบ indicator ที่ได้นำเสนอมาก่อนหน้านี้
จากภาพด้านบน ผมขอโฟกัสไปที่ สกุลเงิน AUD เริ่มมีการไล่สีจากสีแดง > ส้ม > เหลือง > เขียวอ่อน > เขียว > เขียวเข้ม ดูเผิน ๆ ก็พอจะมองออกว่ากราฟจะเป็นขาขึ้น เพื่อให้แน่ใจ ผมจึงเปิดกราฟ AUD/CHF ที่เป็นหนึ่งในคู่พิมพ์นิยม ตามภาพด้านล่างครับ
คู่ AUD/CHF กำลังจะไต่ระดับขึ้น และมาดูสกุล JPY กันบ้างครับ ตอนนี้กำลังเป็นเทรนด์ใหญ่เลยครับ เพราะทรัมป์ออกมาประกาศขึ้นภาษีกับจีน ป่วนทั้งโลกเลยครับ คู่เงินทุกคู่ ดิ่งทะลุแกนโลกเลย แดงเดือดสุด ๆ
และกำลังจะเป็นเทรนด์ขึ้น ที่ราคาเริ่มปรับตัวขึ้นเพราะก่อนหน้านี้ลงมาเยอะแล้วครับ จากสีแดงก็เลยเปลี่ยนเฉดมาเป็นสีส้ม
5. Myfxbook Heat Map
ในเว็บของ Myfxbook ก็มีเมนูการแสดงค่าของความอ่อน-แข็งของค่าเงินเหมือนกันครับ โดยจะอยู่ในเมนู Market > Heat Map ซึ่งจะแสดงข้อมูลของคู่เงินครบทุก TF กันเลย ไล่เรียงมาตั้งแต่ กราฟ 1 นาที, 4H, D1, Week ไปจนถึง Monthly โดยแสดงเป็นเฉดสี พร้อมทั้งคู่เงินที่จับคู่มาแล้วเช่น AUD/JPY, AUS/USD, EUR/USD
โดยแสดงในรูปแบบเฉดสีของ heat map เลือกได้ว่าจะให้แสดงปลแบบ pips หรือ percent ยกตัวอย่างคู่ AUD/JPY ไล่จาก Time Frame ใหญ่ไปเล็ก
- Monthly > เฉดสีแดง: เทรนด์ขาลง
- Week > เฉดสีชมพู
- Day > สีเขียว: เทรนขาขึ้น
- กราฟ 4H => สีชมพู
ซึ่งสรุปรวมกันแล้ว สามารถตีความได้ว่าภาพรวมนั้นก็ยังไม่แน่ชัด แต่จากการที่ กราฟ 4H กับ กราฟ 1H เป็นสีแดง ก็ยังมองได้ว่า น่าจะเป็นขาลง ..
และกราฟที่ต่ำลงไป ล้วนเป็นสีแดงทั้งหมด ก็อนุมานได้ว่าคงเป็นขาลงต่อไป มาดูสกุลเงินที่กำลังวิ่งแรง อยู่ในตอนนี้บ้างครับ
ใช่ครับ ทองคำ (Gold) วิ่งกระจายมาเป็นเดือน-สองเดือนแล้ว และยังคงวิ่งต่อไป ในภาพเราเห็นว่า แทบทุกกราฟ ไล่ลงมาตั้งแต่ กราฟเดือน, สัปดาห์, 4H, 1H ล้วนเป็นสีเขียวทั้งหมด เรามาดูกราฟทองกันว่าเป็นขาขึ้นจริง ๆ ไหม
กราฟ D1 ของทองคำพุ่งทะลุชั้นบรรยากาศไปเรียบร้อยแล้ว.. แต่ส่วนตัวผมยังมองว่าการใช้ Heat Map ของ Myfxbook นั้น ต้องวิเคราะห์หลายส่วนครับ ขอดูกราฟดีกว่า
Review Broker Forex
วิเคราะห์ วิจารย์ ข้อดี-ข้อเสีย ข้อมูลจากการเทรดด้วยบัญชีจริง โดยทีมงานหลายคน ...
เทคนิคการใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ทีนี้เรามาดูกันว่าจะใช้เครื่องมือที่ใช้ในการวัดความแข็งแกร่งของสกุลเงินให้คุ้มค่าที่สุดยังไงดี ผมจะแชร์เทคนิคดีๆ ให้คุณได้ลองเอาไปปรับใช้กัน ดังนี้ครับ
- ดูภาพรวมก่อนเสมอ: ก่อนจะเทรดคู่ไหน ลองมองภาพรวมของทุกสกุลเงินก่อนครับ จะได้รู้ว่าตอนนี้ “ใครแรง ใครอ่อน” บ้าง ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเห็นว่า EUR มีค่า 7.5 ในขณะที่ USD มีค่า 3.2 ก็แสดงว่าตอนนี้ยูโรกำลังแข็งค่ากว่าดอลลาร์สหรัฐอยู่มาก อันนี้อาจจะเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับการเทรด EUR/USD ในทิศทางขาขึ้นครับ
- จับคู่ให้ถูก: เลือกสกุลเงินที่แข็งที่สุดกับอ่อนที่สุดมาเทรดด้วยกัน โอกาสทำกำไรสูงกว่าเยอะเลยครับ วิธีการก็คือ เลือกสกุลเงินที่มีค่าสูงสุดใน Currency Strength Meter มาเป็นสกุลหลัก (base currency) และเลือกสกุลเงินที่มีค่าต่ำสุดมาเป็นสกุลรอง (quote currency)
- อย่าลืมดู Timeframe: ถ้าเทรดระยะสั้นก็ดู 15 นาที หรือ 1 ชั่วโมง ส่วนระยะยาวก็ไปดู 4 ชั่วโมงหรือรายวันแทน ที่สำคัญคือต้องเลือก Timeframe ให้เหมาะกับสไตล์การเทรดด้วย เช่น Day Trader อาจจะดูกราฟ 1 ชั่วโมงเป็นหลัก Swing Trader ก็อาจจะดูกราฟ Day แทน วิธีนี้จะช่วยให้คุณเห็นภาพความแข็งค่าของสกุลเงินที่สอดคล้องกับกรอบเวลาการเทรดของคุณมากที่สุดครับ
- ใช้ร่วมกับเครื่องมืออื่น: สามารถนำไปใช้ร่วมกับ Support/Resistance หรือ Trend Lines ได้ครับ ตัวอย่างเช่น ถ้า Currency Strength Meter บอกว่า EUR กำลังแข็งค่าเมื่อเทียบกับ USD และคุณเห็นว่ากราฟ EUR/USD กำลังทะลุแนวต้านสำคัญพอดี เป็นจังหวะในการเปิดออเดอร์ Buy และยิ่งได้จุดเข้าที่ดีขึ้นด้วย
- ระวังช่วงข่าว: โดยเฉพาะช่วงประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ หรือการประชุมธนาคารกลาง ค่าใน Currency Strength Meter อาจจะเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและรุนแรง ควรหลีกเลี่ยงการเทรดในช่วงเวลานั้นและรอให้กราฟพักตัวก่อนจะดีที่สุดครับ
Currency Strength Meter สามารถใช้เป็นตัวช่วยในการตัดสินใจได้ครับ แต่สุดท้ายแล้ว การตัดสินใจเทรดที่ดีต้องมาจากการวิเคราะห์รอบด้าน ทั้งปัจจัยทางเทคนิคและปัจจัยพื้นฐานครับ
สรุป
หลังจากที่เราได้ทำความรู้จักกับ Currency Strength Meter กันอย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็น Currency Strength Indicator, Currency Strength Meter V1.1 และ Heat Map ของ Myfxbook ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นไอเทมเสริมที่จะช่วยให้เราอ่านทิศทางตลาด Forex ได้แม่นยำขึ้น เพียงแต่เราต้องรู้จักใช้ให้ถูกวิธี ระมัดระวังในจุดที่ต้องระวัง และที่สำคัญ อย่าลืมฝึกฝนและทดลองใช้บ่อยๆ
สุดท้ายนี้ ผมหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับเทรดเดอร์ทุกคนนะครับ แล้วเจอกันใหม่ในบทความหน้าครับ
ทีมงาน: forexthai.in.th