บอกได้เลยว่ารูปแบบของ Chart Pattern ที่จะได้พบเห็นในกราฟราคานั้น มีมากมายหลายรูปแบบยิ่งนัก หากจะต้องเรียนรู้และจดจำให้ได้ทั้งหมด คงต้องใช้เวลานานโขทีเดียว เราจึงขอยกเอามาเพียง “รูปแบบของ Chart Pattern ที่ต้องรู้” เพื่อเพิ่ม Skill ในการ Trade ให้เทพยิ่งขึ้นเท่านั้น ซึ่งจะมีดังต่อไปนี้

Triangle รูปแบบสามเหลี่ยม
รูปแบบสามเหลี่ยม (Triangle) เป็นรูปแบบกราฟที่ราคาจะเคลื่อนไหวไปในกรอบที่แคบลงเรื่อย ๆ โดย “ราคาจะเคลื่อนไหวขึ้นและลงภายในกรอบสามเหลี่ยม” รูปแบบสามเหลี่ยมสามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ๆ ได้แก่

1. Symmetrical Triangle:
เป็นรูปแบบสามเหลี่ยมที่สมมาตร รูปแบบนี้มักเกิดขึ้นในช่วงที่ตลาดกำลังพักตัวหรือกำลังสะสมพลังก่อนการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่
- สัญญาณ Reversal Pattern หากราคา Breakout ออกจากกรอบสามเหลี่ยมในทิศทางเดียวกับแนวโน้มก่อนหน้า รูปแบบสามเหลี่ยมจะถือเป็นสัญญาณการกลับตัวที่แข็งแกร่ง
- สัญญาณ Continuation หากราคา Breakout ออกจากกรอบสามเหลี่ยมในทิศทางเดียวกับแนวโน้มก่อนหน้า รูปแบบสามเหลี่ยมจะถือเป็นสัญญาณ continuation ที่แข็งแกร่ง
2. Ascending Triangle:
เป็นรูปแบบสามเหลี่ยมที่ด้านบนของกรอบสามเหลี่ยมจะสูงขึ้นเรื่อย ๆ รูปแบบนี้มักเกิดขึ้นในช่วงที่ตลาดกำลังเป็นขาขึ้น
- สัญญาณ Reversal Pattern หากราคา Breakout ออกจากกรอบสามเหลี่ยมในทิศทางขาขึ้น รูปแบบสามเหลี่ยมจะถือเป็นสัญญาณการกลับตัวขาขึ้นที่แข็งแกร่ง
- สัญญาณ Continuation หากราคา Breakout ออกจากกรอบสามเหลี่ยมในทิศทางขาขึ้น รูปแบบสามเหลี่ยมจะถือเป็นสัญญาณ continuation ขาขึ้นที่แข็งแกร่ง
3. Descending Triangle:
เป็นรูปแบบสามเหลี่ยมที่ด้านล่างของกรอบสามเหลี่ยมจะต่ำลงเรื่อย ๆ รูปแบบนี้มักเกิดขึ้นในช่วงที่ตลาดกำลังเป็นขาลง
- สัญญาณ Reversal Pattern หากราคา Breakout ออกจากกรอบสามเหลี่ยมในทิศทางขาลง รูปแบบสามเหลี่ยมจะถือเป็นสัญญาณการกลับตัวขาลงที่แข็งแกร่ง
- สัญญาณ Continuation หากราคา Breakout ออกจากกรอบสามเหลี่ยมในทิศทางขาลง รูปแบบสามเหลี่ยมจะถือเป็นสัญญาณ continuation ขาลงที่แข็งแกร่ง
รูปแบบสามเหลี่ยมถือเป็นรูปแบบกราฟที่ได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่นักลงทุน เนื่องจากรูปแบบนี้ “สามารถให้สัญญาณการกลับตัวหรือ continuation ของแนวโน้มราคาได้”
ตัวอย่างการเทรดด้วยรูปแบบสามเหลี่ยม
จากตัวอย่างกราฟด้านล่าง จะเห็นได้ว่าราคา EUR/USD เคลื่อนไหวในกรอบสามเหลี่ยม Ascending Triangle เป็นเวลาระยะหนึ่ง จากนั้นราคา Breakout ออกจากกรอบสามเหลี่ยมในทิศทางขาขึ้น ส่งผลให้ราคา EUR/USD ปรับตัวขึ้นต่อ เราก็สามารถเทรดตามแนวโน้มของราคาที่มีการวิ่งทะลุผ่านนั้นได้

การจับจังหวะเพื่อการเทรดด้วยรูปแบบสามเหลี่ยม Triangle แบบอื่น ๆ นอกจากตัวอย่างนี้ ก็จะมีเทคนิคการใช้งานคล้าย ๆ กันนี้ ซึ่งสามารถนำไปปรับใช้ได้อย่างมีคุณภาพ
Head and Shoulders รูปแบบหัวและไหล่
รูปแบบหัวและไหล่ (Head and Shoulders) เป็นรูปแบบกราฟที่บ่งบอกถึง “การกลับตัวของแนวโน้มราคา จากแนวโน้มเดิมที่วิ่งอยู่” รูปแบบของกราฟราคาแบบนี้จะมีลักษณะคล้ายกับหัวคนและมีไหล่สองข้าง ดังนี้
- Left Shoulder ไหล่ซ้าย:
เป็นจุดสูงสุดของราคาที่อยู่ด้านซ้ายของยอดเขา (ราคาที่สูงที่สุด) มักจะมีความสูงใกล้เคียงกับจุดสูงสุดที่อยู่ด้านขวาของยอดเขา
- Head หัว:
เป็นจุดสูงที่สุดของรูปแบบกราฟราคา จะเป็นยอดที่สูงที่สุดอยู่ตรงกลางแล้วมียอดสูงรองลงมาทั้งซ้ายและขวา
- Right Shoulder ไหล่ขวา:
เป็นจุดสูงสุดที่ 3 ของรูปแบบ มักมีความสูงใกล้เคียงกับไหล่ซ้าย

Neckline เส้นยืนยันแนวโน้มของราคา
เส้น Neckline นี้ถือเป็นแนวต้านหรือแนวรับที่สำคัญ โดยเส้น Neckline จะเป็นเส้นแนวนอนที่ลากผ่านจุดต่ำสุดหรือสูงสุดของไหล่ซ้ายและไหล่ขวา เพื่อเป็นตัวบ่งชี้แนวโน้มของราคาที่จะเกิดขึ้น โดยจะวิเคราะห์ได้ ดังนี้
- เมื่อราคาเดิมอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น: หากราคา Breakout ออกจากเส้น Neckline ที่ลากผ่านจุดต่ำสุดของไหล่ซ้ายและขวา จะเป็นการยืนยันว่าราคากำลังเปลี่ยนจากขาขึ้นเป็นขาลง
- เมื่อราคาเดิมอยู่ในแนวโน้มขาลง: หากราคา Breakout ออกจากเส้น Neckline ที่ลากผ่านจุดสูงสุดของไหล่ซ้ายและขวา จะเป็นการยืนยันว่าราคากำลังเปลี่ยนจากขาลงเป็นขาขึ้น
เส้น Neckline จึงถือว่าเป็นตัวบ่งชี้แนวโน้มจากรูปแบบ Head and Shoulders ว่าเป็นสัญญาณการกลับตัวจากทิศทางเดิมที่สมบูรณ์
การวัดระดับเป้าหมายที่จะไปถึงได้
การวัดระดับเป้าหมายที่จะไปถึงได้ เมื่อมีการ Breakout ออกจากเส้น Neckline จากรูปแบบ Head and Shoulders ระดับเป้าหมายของการกลับตัวทั้งขาขึ้นและขาลง มักจะอยู่ที่ระดับความห่างจากยอดสูงของหัว (Head) วัดไปถึงเส้น Neckline นั่นคือระดับราคาที่จะวิ่งไปถึงได้
ตัวอย่างการเทรดด้วยรูปแบบหัวและไหล่
จากตัวอย่างกราฟด้านล่าง จะเห็นได้ว่าราคา EUR/USD เคลื่อนไหวในแนวโน้มขาขึ้น จากนั้นราคาเริ่มปรับตัวลงและฟอร์มตัวเป็นรูปแบบหัวและไหล่ เมื่อราคา Breakout ออกจากเส้น Neckline ในทิศทางขาลง ส่งผลให้ราคา EUR/USD ปรับตัวลงต่อและทดสอบระดับเป้าหมาย

อย่างไรก็ตาม “รูปแบบหัวและไหล่ก็ถือเป็นรูปแบบกราฟที่มีโอกาสเกิด False Breakout” ได้เช่นกัน ดังนั้นนักลงทุนจึงควรใช้เครื่องมือทางเทคนิคอื่น ๆ ร่วมประกอบการตัดสินใจในการเทรดด้วยรูปแบบหัวและไหล่
Cup and Handle รูปแบบถ้วย
รูปแบบถ้วย (Cup and Handle) เป็นรูปแบบกราฟที่บ่งบอกถึง “การกลับตัวของแนวโน้มราคา” ซึ่งจะมีลักษณะคล้ายกับถ้วยกาแฟ โดยประกอบด้วยส่วนประกอบหลัก ๆ ดังนี้
- ฐานถ้วย (Cup Bottom)
เป็นจุดต่ำสุดของราคาเมื่อเป็นถ้วยแนวตั้ง และเป็นยอดสูงสุดของราคาเมื่อเป็นถ้วยแบบคว่ำ จะสังเกตุเห็นได้ว่าราคาจะวิ่งทดสอบแบบเป็นวงโค้งเหมือนก้นถ้วย
- หูจับ (Handle)
เป็นช่วงที่ราคามีการย่อตัวเล็กน้อย แล้วก็วิ่งกลับไปในแนวโน้มเดิมต่อ ไปทดสอบช่วงราคาที่ใกล้เคียงกับยอดของหูจับซ้ายมือที่เพิ่งทดสอบมานั่นเอง

การวัดระดับเป้าหมายที่จะไปถึงได้
การวัดระดับเป้าหมายการกลับตัวจากแนวโน้มเดิมของรูปแบบ Cup and Handle นั้น ให้ใช้เส้น Neckline แนวนอน ลากผ่านจุดหูจับ (Handle) ของรูปแบบราคา ความยาวจากฐานถ้วย (Cup Bottom) ไปถึงเส้น Neckline ระยะห่างนี่เองคือระดับเป้าหมายที่ราคาจะวิ่งไปถึงเมื่อมีการ Breakout
เส้น Neckline นี้ถือเป็นแนวต้านที่สำคัญ หากราคา Breakout ออกจากเส้น Neckline ในทิศทางขาขึ้นหรือขาลง รูปแบบกระทะจะถือเป็นสัญญาณการกลับตัวที่สมบูรณ์
ตัวอย่างรูปแบบ Cup and Handle
จากตัวอย่างกราฟด้านล่าง จะเห็นได้ว่าราคา XAU/USD เคลื่อนไหวในแนวโน้มขาลง จากนั้นราคาเริ่มปรับตัวขึ้นและฟอร์มตัวเป็นรูปแบบถ้วย เมื่อราคา Breakout ออกจากเส้น Neckline ในทิศทางขาขึ้น ส่งผลให้ราคา XAU/USD ปรับตัวขึ้นต่อและทดสอบระดับเป้าหมาย

ปัจจัยที่ส่งผลต่อความแม่นยำของรูปแบบถ้วย
ความแม่นยำของรูปแบบถ้วยจะขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้
- ความชัดเจนของรูปแบบ รูปแบบถ้วยที่มีรูปร่างชัดเจนและสมบูรณ์ จะมีความแม่นยำมากกว่ารูปแบบที่มีรูปร่างไม่ชัดเจน
- ระยะเวลาของรูปแบบ รูปแบบถ้วยที่ใช้เวลาในการฟอร์มตัวนาน จะมีความแม่นยำมากกว่ารูปแบบที่ใช้เวลาในการฟอร์มตัวสั้น
- ปริมาณการซื้อขาย รูปแบบถ้วยที่มาพร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น จะมีความแม่นยำมากกว่ารูปแบบที่มาพร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่ลดลง
รูปแบบ Cup and Handle ก็ถือเป็นรูปแบบกราฟที่มีโอกาสเกิด False Breakout ได้เช่นกัน ดังนั้นนักเทรดจึงควรใช้เครื่องมือทางเทคนิคอื่น ๆ ร่วมประกอบการตัดสินใจในการเทรดด้วย จะดีที่สุด
Flag / Pennant รูปแบบธง
รูปแบบธง Flag ราคาของแนวรับและแนวต้านจะขนานกันในแนวนอน รูปแบบธง Pennant จะเป็นสามเหลี่ยมสมมาตร ทั้งสองจะเป็นรูปแบบกราฟที่มีลักษณะคล้ายธง รูปแบบนี้ “มักเกิดขึ้นในช่วงที่ราคากำลังเคลื่อนที่ในแนวโน้มเดิม แต่มีการพักตัวชั่วคราวแล้วไปต่อ” รูปแบบธงประกอบด้วย 2 ส่วนหลัก ๆ ได้แก่
- เสาธง (Flagpole) เป็นการเคลื่อนไหวของราคาในช่วงก่อนที่จะพักตัว
- ใบธง (Flag) เป็นการเคลื่อนไหวของราคาในช่วงพักตัว

การเทรดด้วยรูปแบบธง
นักลงทุนสามารถเทรดด้วยรูปแบบธงได้หลายวิธี ส่วนมากจะใช้การเทรดด้วยสัญญาณ Breakout เป็นการเทรดที่รอให้ราคา Breakout ออกจากใบธงก่อน จากนั้นจึงเข้าเทรดตามทิศทางการ Breakout นั้น ดังนี้
หากราคา Breakout ออกจากใบธงในทิศทางขาขึ้น (แนวต้าน) จะถือเป็นสัญญาณการ continuation ขาขึ้นที่แข็งแกร่ง ระดับเป้าหมายของขาขึ้นมักจะอยู่ที่ระดับความสูงของเสาธง
หากราคา Breakout ออกจากใบธงในทิศทางขาลง (แนวรับ) จะถือเป็นสัญญาณการ continuation ขาลงที่แข็งแกร่ง ระดับเป้าหมายของขาลงมักจะอยู่ที่ระดับความยาวของเสาธงเช่นกัน
ตัวอย่างการเทรดด้วยรูปแบบ Flag / Pennant
จากตัวอย่างกราฟด้านล่าง จะเห็นได้ว่าราคา EUR/USD เคลื่อนไหวในแนวโน้มขาขึ้น จากนั้นราคาเริ่มปรับตัวลงและฟอร์มตัวเป็นรูปแบบธงขาขึ้น เสาธงเป็นการเคลื่อนไหวของราคาในช่วงขาขึ้นก่อนหน้า ใบธงเป็นการเคลื่อนไหวของราคาในช่วงพักตัว

จากตัวอย่างข้างต้น จะเห็นได้ว่าราคา EUR/USD ออกจากใบธงในทิศทางขาขึ้น จากนั้นราคาก็ปรับตัวขึ้นต่อและทดสอบระดับเป้าหมายที่คำนวณได้จากรูปแบบธง
ทีมงาน Forexthai.in.th