ตลาดกระทิง คือ รูปแบบหนึ่งที่ใช้เรียก ตลาดที่มีแนวโน้มขาขึ้น บางคนเรียก Bull Market ซึ่งแสดงถึงตลาดที่เป็นขาขึ้น และในระหว่างเดียวกัน ตลาดหมี เป็นรูปแบบที่ใช้เรียก ตลาดที่มีแนวโน้มขาลง หรือบางคนก็เรียก Bear Market เช่นเดียวกัน
สารบัญบทความ click เพื่อเลือกอ่าน !!
จริง ๆ แล้ว ตลาดกระทิง คือ อะไร
ตลาดกระทิง เป็นตลาดที่มีความต้องการซื้อสูง มีอุปสงค์มากกว่าอุปทาน นักลงทุนส่วนใหญ่เห็นพ้องต้องกันว่า เป็นตลาดที่มีแนวโน้มเป็นขาขึ้น มีความเชื่อมั่นของนักลงทุนสูง ตลาดแบบนี้อย่าเผลอเข้า Sell นะ อาจจะโดนกระทิงขวิดเอาง่าย ๆ
ตลาดหมี คืออะไร
อีกรูปแบบหนึ่งคือ ตลาดหมี เป็นตลาดที่มีความต้องการขายมากกว่าต้องการซื้อ คือมีอุปทานมากกว่าอุปสงค์นั่นเอง จึงทำให้ราคาสินค้าลดลง หรือความเชื่อมั่นของนักลงทุนในสินทรัพย์นั้น ๆ ลดลงนั่นเอง พูดง่าย ๆ ก็คือเป็นตลาดแนวโน้มขาลง เมื่อเกิดตลาดหมี อย่าเข้า Buy เด็ดขาด อาจจะโดนหมีตบก็เป็นได้
แรงที่กำหนดทิศทาง คือ ความต้องการซื้อและความต้องการขาย
อะไรคือตัวกำหนด ตลาดหมี หรือ ตลาดกระทิง
จะว่าไปแล้ว ทั้ง 2 ตลาด แตกต่างกันที่เป็นแนวโน้มขาขึ้นหรือขาลง แม้อาจจะดูได้ง่าย ๆ แต่เบื้องหลังที่ขับเคลื่อนตลาด ถ้าเทรดเดอร์เข้าใจ จะทำให้เกิดการวิเคราะห์ที่ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น เพราะสิ่งที่ขับเคลื่อนราคาอยู่เบื้องหลัง นั่นก็คือ อุปสงค์ (Demand) หรือ อุปทาน Supply
อุปสงค์และอุปทาน คือความต้องการซื้อ หรือความต้องการขาย เมื่อความต้องการซื้อมากกว่าความต้องการขาย สินค้าก็จะมีราคาแพง หรือสูงขึ้น
ในระหว่างเดียวกัน เมื่อไหร่ก็ตามที่มีความต้องการขายมากกว่าความต้องการซื้อ สินค้าก็จะมีราคาถูก หรือต่ำลง เสมือนกับพืชผลทางการเกษตรล้นตลาดในบางช่วง ทำให้ราคาพืชผลทางการเกษตรมีราคาถูก เพราะนั่นคือความต้องการขายมากกว่าความต้องการซื้อนั่นเอง
สิ่งที่อยู่เบื้องหลัง มากกว่ากราฟขึ้นหรือลง คือแรงที่ควบคุมตลาด
ตลาดทั้ง 3 แบบ ในตลาด Forex
จะว่าไปแล้ว การวิเคราะห์ หุ้น Forex น้ำมัน หรือสินทรัพย์ใด ๆ จะมีแนวทางการวิเคราะห์เพียง 3 แนวทางเท่านั้น นั่นก็คือ แนวโน้มขาขึ้น แนวโน้มขาลง และไซด์เวย์
1. แนวโน้มขาขึ้น
ในตลาด Forex คือการจับคู่สกุลเงินหนึ่งกับสกุลเงินหนึ่ง เมื่อเกิดตลาดกระทิง (Bull Market) นั่นหมายถึงสกุลเงินที่อยู่ด้านหน้าแข็งตัว เกิดขึ้นได้โดยหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจ นักลงทุนที่ต้องการถือสกุลเงินนั้น ๆ มากยิ่งขึ้น อาจจะต้องการสกุลเงินนั้นเพื่อนำไปลงทุนในสินทรัพย์อื่น ๆ ก็เป็นได้ เสมือนแลกเงินดอลลาร์ แล้วนำไปซื้อทอง หรือหุ้นในประเทศนั่นเอง
2. แนวโน้มขาลง
เมื่อเกิดตลาดหมี (Bear Market) นั่นคือเกิดแนวโน้มขาลง มีแรงขายมากกว่าแรงซื้อ สกุลเงินที่อยู่ด้านหน้าอ่อนตัวลง หรือสกุลเงินที่อยู่ด้านหลังแข็งตัวขึ้น จะด้วยสาเหตุใดก็ตาม ไม่ว่าระบบเศรษฐกิจ ความเชื่อมั่นนักลงทุน หรือความต้องการที่จะถือครองสกุลเงินนั้น ๆ
3. ไซด์เวย์
กระทิงและหมีกำลังสู้กัน คือมีแรงทั้งสองฝ่ายต่อสู้กัน ตลาดยังไม่สามารถเคลื่อนที่ไปยังทิศทางใดทิศทางหนึ่ง โดยเคลื่อนที่ออกข้างนั่นคือไซด์เวย์ บ่อยครั้งสู้กันรุนแรงจึงเกิดเป็นความผันผวน และบ่อยครั้งตลาดนิ่ง ๆ ยังไม่เลือกทิศทาง จนกว่าจะมีปัจจัยหนุน หรือแรงฝั่งใดฝั่งหนึ่งเข้ามา ก่อนที่จะเคลื่อนที่เป็นแนวโน้มต่อไป
ทฤษฎีดาวกับตลาดแต่ละประเภท
ทฤษฎีดาว Dow Theory คือครูใหญ่สายเทคนิค โดยใช้การสังเกตุคลื่นทะเล และนำมาเปรียบเทียบวิเคราะห์ในตลาดหุ้น ว่าตลาดจะมีการเคลื่อนที่เป็นคลื่นเสมอ และไม่มีทางเคลื่อนที่เป็นเส้นตรง คล้ายกับคลื่นทะเล โดยมีวงจรที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ เดิม ๆ
นั่นคือ พื้นฐานและความเชื่อของการเทรดสายเทคนิค ที่ใช้ภาพกราฟในการวิเคราะห์เป็นหลัก และมีความเชื่อว่า พฤติกรรมของกราฟ จะเกิดขึ้นซ้ำ ๆ เสมอ
แน่นอนว่าทุกสายหรือทุกทฤษฎีล้วนคือภูมิปัญญาอันทรงคุณค่า ขึ้นอยู่กับเทรดเดอร์ที่จะนำไปปรับใช้ และถ้าเทรดเดอร์รู้ลึก ๆ ว่าอะไร คือสิ่งที่อยู่เบื้องหลังของการขึ้นหรือลงของกราฟ ก็จะทำให้การวิเคราะห์มีหลายแง่มุม และมีวิธีทำกำไรได้อย่างดีมากขึ้น
ยังไม่เชี่ยวชาญ ห้ามทำแบบนี้
การเทรดที่ดี คือการฝึกฝนและสะสมประสบการณ์ การเทรดตามแนวโน้ม คือหนทางที่มือใหม่และมืออาชีพที่ควรทำมากที่สุด เพราะการเทรดให้เหมือนกับผู้คนส่วนใหญ่ หรือเม็ดเงินก้อนใหญ่ที่ไหลเวียนอยู่ในตลาด คือสิ่งที่พึงกระทำ
แต่จะมีเทรดเดอร์กลุ่มหนึ่ง ที่มีเทคนิคแตกต่างออกไป หรือที่ใคร ๆ เรียกว่าเป็นชาวสวน คือการเทรดสวนแนวโน้ม โดยกลุ่มนี้จะทำกำไรในช่วงเวลาสั้น ๆ โดยหาจังหวะเข้าคนละทางกับแนวโน้ม โดยมีความเชื่อบางอย่าง แม้ว่าจะไม่ผิด แต่ทำกำไรได้ก็ถือว่าใช้ได้เช่นกัน ซึ่งไม่เหมาะกับมือใหม่
เพราะถ้าผิดทางในแนวโน้มใหญ่ขึ้นมาจริง ๆ อาจจะโดนกระทิงขวิด หรือโดนหมีตบ จนพอร์ตมึงงงเลยก็เป็นได้ แม้อยากจะเป็นชาวสวน แต่ก็ไม่ควรสวนในแนวโน้มใหญ่ คือการเทรดตามแนวโน้มใหญ่ แต่สวนเทรนด์เล็ก ก็ไม่ถือว่าผิดกติกา
กระทิงขวิด หรือหมีตบ เทรดเดอร์ทุกคนไม่อยากเจอ
สรุป
ตลาดหมี ตลาดกระทิง คือรูปแบบการเปรียบเทียบ เพื่อใช้เรียกตลาดให้สามารถเข้าใจได้แบบง่าย ๆ เช่น หมี คือแนวโน้มขาลง กระทิง คือแนวโน้มขาขึ้น และในความเป็นหมี และกระทิง จะมีลักษณะหรือที่มาที่ไปซ่อนอยู่ ไม่ว่าจะเป็นแรงซื้อแรงขาย ความเชื่อมั่น ปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจ หรือสิ่งอื่น ๆ ใดที่ส่งผลให้กราฟขึ้นหรือลง
และแปลความหมายให้เรียกสั้น ๆ สำหรับผู้ที่ผ่านการเรียนรู้มากแล้วว่า ช่วงนี้ตลาดหมีดุ หรือตลาดกระทิงเปลี่ยว เพื่อใช้ในการสื่อสาร ว่าในช่วงนั้น ๆ เป็นตลาดอะไร เพื่อใช้ในการวิเคราะห์กราฟและหาจุดเข้าซื้อขายต่อไป
Pingback: Bear Market - รวมคำศัพท์หุ้น และการลงทุน อธิบายละเอียด