7.25
คะแนนรวม (จาก 10 คะแนน)
Credibility Icon
ความน่าเชื่อถือ
5.41
Service Fee Icon
ค่าบริการ
7.62
Deposit and Withdrawal Icon
การฝากถอน
9.24
Trading Quality Icon
คุณภาพการเทรด
8.42
Trading Experience Icon
ประสบการณ์การเทรด
5.74
Ease of use Icon
ความง่ายในการใช้งาน
9.00
รีวิวโบรกเกอร์ HFM

HFM หรือที่รู้จักกันในชื่อเดิมว่า HotForex เป็นโบรกเกอร์ที่ให้บริการมาตั้งแต่ปี 2010 และได้รับใบอนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแลชั้นนำ เช่น FCA (UK), DFSA (Dubai), FSCA (South Africa), FSA (Seychelles), และ CMA (Kenya) ทำให้ HFM มีความน่าเชื่อถือในระดับสูง

ด้วยเงื่อนไขการเทรดที่ รองรับทั้งมือใหม่และมืออาชีพ HFM มีจุดเด่นในด้าน เลเวอเรจสูงสุด 1:2000, ฝากถอนฟรีค่าธรรมเนียม, และบัญชีเทรดหลากหลายประเภท อย่างไรก็ตาม ยังมีจุดอ่อนบางประการที่อาจทำให้ไม่เหมาะกับเทรดเดอร์บางกลุ่ม เรามาวิเคราะห์กันครับว่าจุดแข็งและจุดอ่อนของ HFM มีอะไรบ้าง!

ข้อมูลสำคัญของ HFM

  • ก่อตั้ง: ปี 2010
  • ใบอนุญาต: FCA ,DFSA ,FSCA,FSA Seychelles และ CMA
  • เวลาฝากเงิน: น้อยกว่า 5 นาที
  • เวลาถอนเงิน: ใช้เวลาเพียง 1 นาที
  • ค่าธรรมเนียมฝากถอน: ต่ำมาก (0.3%)
  • Leverage สูงสุด: 1:2000
  • Spread EUR/USD เริ่มต้น: 0.0 pips (บัญชี Zero)
  • ประเภทบัญชี: Zero, Premium, Pro, Cent

เปิดบัญชี HFM ฟรี

เปิดบัญชีง่าย ใช้เวลาเพียง 5 นาที ไม่มีค่าธรรมเนียม

เปิดบัญชีเทรด HFM ขั้นตอนสมัคร เปิดบัญชี ฝาก-ถอน

สรุปข้อได้เปรียบของ HFM เมื่อเทียบกับโบรกเกอร์อื่น

หลังจากที่เราได้รีวิวมาอย่างดีแล้ว ข้อมูลที่ได้มาเอาไปเทียบกับโบรกเกอร์อื่นก็นับได้ว่า HFM อยู่เหนือกว่าที่อื่นๆ ประมาณ 5 ข้อใหญ่ๆ ดังนี้จ่ะ

1. ระบบฝากถอนยอดเยี่ยม (Top 3)

  • ค่าธรรมเนียมฝากถอนต่ำมาก (0.3%) ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่ดี
  • ฝากถอนได้เร็ว :
    • ฝากเงินใช้เวลา 0 นาที (ทันที)
    • ถอนเงินใช้เวลาเพียง 1 นาที
    • ได้คะแนนรวมการฝากถอนที่ 9.19 ซึ่งเป็นอันดับต้น ๆ ในหมู่โบรกเกอร์
  • รองรับการฝากถอนในวันเสาร์-อาทิตย์ (ช่วยให้เทรดเดอร์มีความสะดวกมากขึ้น)
  • ไม่มีปัญหาในการฝากถอนเลย ในระหว่างการทดสอบ
  • ข้อได้เปรียบ : เหมาะกับเทรดเดอร์ที่ต้องการฝากถอนเงินได้เร็ว และไม่มีค่าธรรมเนียมที่สูง

2. ต้นทุนการเทรดต่ำ

HFM มี ต้นทุนการเทรดที่ดี โดยเฉพาะในบัญชี Zero และ Pro ซึ่งให้ Spread และ Commission ค่อนข้างต่ำในหลาย ๆ สินทรัพย์ เช่น

  • EURUSD (บัญชี Zero)
    • Spread = 0.0 pips
    • ค่าคอมมิชชั่นต่ำ ทำให้ต้นทุนต่ำมาก
  • ทองคำ XAUUSD
    • บัญชี Zero: Spread เฉลี่ยเพียง 5.87 USD
    • บัญชี Pro: Spread เฉลี่ยอยู่ที่ 16.48 USD (ยังถือว่าดีเมื่อเทียบกับบางโบรกเกอร์)
  • ข้อได้เปรียบ : ต้นทุนการเทรดต่ำ เหมาะสำหรับทั้ง Scalper และนักลงทุนที่ต้องการลดค่าใช้จ่ายระยะยาว

3. มีประเภทบัญชีที่หลากหลาย

มีบัญชีหลายประเภทให้เลือก เช่น Zero, Premium, Pro, Cent รองรับทั้งนักเทรดมือใหม่และมืออาชีพ

  • บัญชี Zero เหมาะสำหรับนักเทรดที่ต้องการ Spread ต่ำ
  • บัญชี Cent เหมาะสำหรับมือใหม่ที่ต้องการฝึกเทรดด้วยเงินจำนวนเล็กน้อย

ข้อได้เปรียบ: เทรดเดอร์สามารถเลือกบัญชีให้เหมาะสมกับกลยุทธ์ของตัวเอง

เปรียบเทียบประเภทบัญชีเทรดของ HFM และรายละเอียดแต่ละบัญชี
รูปที่ 1 บัญชีเทรดของ HFM แต่ละประเภท

4. ความหลากหลายของตราสารที่น่าสนใจ

มี สินทรัพย์มากมายหลายอย่างเชียวล่ะคุณผู้อ่าน คุณสามารถเลือกเทรดได้ตามสบายเลยจ้า

  • 54 คู่เงิน Forex (ถือว่ามีคู่เงินให้เลือกพอสมควร)
  • 13 สินค้าโภคภัณฑ์ (เช่น ทองคำ, น้ำมัน)
  • 160 หุ้น ซึ่งมากกว่าโบรกเกอร์ทั่วไป
  • ดัชนี 36 ตัว (คะแนนเต็มด้านความหลากหลายดัชนี)
  • 39 คริปโตเคอร์เรนซี (ถือว่าอยู่ในระดับปานกลาง)

ข้อได้เปรียบ : มีตัวเลือกการลงทุนที่หลากหลาย เหมาะกับเทรดเดอร์ที่ต้องการกระจายความเสี่ยง

5. ความน่าเชื่อถือสูง

  • ปีที่ก่อตั้ง (2010) เปิดให้บริการมา นานกว่า 14 ปี ซึ่งถือเป็นระยะเวลาที่มากพอในการสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน
  • จำนวนพนักงาน (967 คน) สูงกว่าหลายโบรกเกอร์ ซึ่งมากกว่าโบรกเกอร์ เช่น Tickmill (439 คน), VT-Markets (206 คน) เป็นต้น สะท้อนถึงการเติบโตและการมีทรัพยากรเพียงพอในการให้บริการลูกค้า
  • คะแนนรวมความน่าเชื่อถือของ HFM อยู่ที่ 942 ซึ่งสูงกว่าหลายโบรกเกอร์ เช่น Tickmill (7.035), VTMarkets (6.627), Roboforex (6.147)
  • ยอดเข้าชมเว็บไซต์สูง (169,294 ครั้ง) สะท้อนถึง ความนิยมและความน่าเชื่อถือในระดับสูง
  • คะแนนรีวิวจาก TrustPilot (4.2/5) ในขณะที่ Tickmill, VTmarkets, และ Roboforex ได้คะแนน 3.7, 3.2, และ 8 ตามลำดับ
  • คะแนนรีวิวจาก ForexPeaceArmy (742) คะแนนนี้แสดงถึงความคิดเห็นของเทรดเดอร์ที่มีต่อโบรกเกอร์และประสบการณ์การใช้งาน
  • มีระบบแยกเงินลูกค้า (Segregated Account) เพื่อป้องกันการนำเงินของลูกค้าไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ ซึ่งเป็นมาตรฐานความปลอดภัยที่หลายโบรกเกอร์อาจไม่มี
ใบอนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแลทางการเงินของ HFM
รูปที่ 2 ตัวอย่าง Regulator ที่ดูแล HFM ทั่วโลก

HFM ความเร็วในการส่งสัญญาณเป็นยังไงบ้าง?

จะว่าไปแล้ว HFM ก็ถือว่าเป็นโบรกเกอร์หนึ่งที่ติดอันดับ Top 10 ของโบรกเกอร์ที่ทำตลาดในไทยที่มีความเร็วในการส่งคำสั่งต่างๆ ได้ไวมากๆ ครับ

ความเร็วในการเปิดออเดอร์ (303.442 ms) และปิดออเดอร์ (290 ms)

  • แม้ว่าจะไม่ใช่โบรกเกอร์ที่เร็วที่สุด แต่ถือว่า อยู่ในระดับกลางค่อนไปทางเร็ว
  • เทียบกับโบรกเกอร์ XM ที่มีความเร็วเปิดออเดอร์ที่ 298.76 ms และปิดที่ 280.321 ms
  • HFM ทำได้ดีกว่าโบรกเกอร์ที่มีความล่าช้าสูง เช่น XTB (500 ms), Roboforex (513 ms)

คะแนนรวมด้านความเร็ว (296.721 คะแนน)

  • คะแนนนี้ช่วยบ่งบอกว่าความเร็วของ HFM อยู่ในระดับดีพอที่เทรดเดอร์สามารถเข้าออเดอร์ได้โดยไม่มีความล่าช้าสำคัญ
  • เทียบกับโบรกเกอร์ที่เร็วกว่า เช่น Exness (898 คะแนน) และ Eightcap (161.5 คะแนน) จะเห็นว่า HFM ยังสามารถแข่งขันได้ดีในตลาด

ความเร็วในการเลื่อน SL/TP (179 – 178 ms)

  • ระยะเวลาที่ใช้ในการปรับคำสั่ง Stop Loss และ Take Profit ทำได้เร็วกว่าโบรกเกอร์หลายราย เช่น IC Markets (556 – 288 ms) และ Pepperstone (285 – 283 ms)
  • การปรับ SL/TP ได้เร็วช่วยลดโอกาสเกิดความผิดพลาดในการจัดการความเสี่ยง

ไม่มีปัญหา Requotes หรือ Delay (0 ครั้ง)

  • บางโบรกเกอร์อาจมีปัญหาการรีโควต (Requotes) หรือคำสั่งถูกดีเลย์ในช่วงตลาดผันผวน
  • HFM มีค่า จำนวนครั้งที่เกิดปัญหาเป็นศูนย์ (0 ครั้ง) แสดงให้เห็นถึง เสถียรภาพของเซิร์ฟเวอร์

คะแนนประสิทธิภาพรวม

  • HFM ได้คะแนน 5.74 ซึ่งสูงกว่าหลายโบรกเกอร์ เช่น Pepperstone (34), IC Markets (3.91), Dooprime (1.53)
  • บ่งบอกถึงคุณภาพโดยรวมของระบบเทรดที่ดีขึ้น
เปรียบเทียบคะแนนประสิทธิภาพของโบรกเกอร์ HFM กับคู่แข่ง
รูปที่ 3 เปรียบเทียบคะแนนประสิทธิภาพรวมในการแต่ของแต่ละโบรกเกอร์

แต่มีเอ๊ะนิดนึงในเรื่อง

  • ความเร็วเปิด/ปิดออเดอร์ ยังช้ากว่าโบรกเกอร์ระดับต้น ๆ เช่น Exness (04 ms), Eightcap (157 ms)
  • หากคุณเป็น Scalper หรือ High-Frequency Trader (HFT) อาจต้องพิจารณาโบรกเกอร์ที่มีความเร็วสูงกว่านี้

HFM เหมาะสำหรับการเทรดทองไหมนะ?

การเทรดทองคำ (XAUUSD) เป็นที่นิยมในหมู่นักเทรด Forex เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูง และสามารถทำกำไรได้จากแนวโน้มที่ชัดเจน HFM ก็นับว่าเป็นโบรกเกอร์ที่ให้บริการเทรดทองโดยมี บัญชีหลากหลายประเภท, ค่า Spread ที่แข่งขันได้, และ เลเวอเรจสูงสุดถึง 1:2000 แต่ก็ยังมีข้อเสียบางประการที่ต้องพิจารณาบางจุด

ต่อไปนี้จะเป็นการวิเคราะห์ต้นทุนการเทรด, Swap, ค่าคอมมิชชั่น, เลเวอเรจ, และ ข้อดี-ข้อเสีย ของ HFM ในการเทรดทอง เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้ว่า HFM เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคุณไหม

บัญชีเทรดทองที่ HFM มีให้เลือก

HFM มีบัญชีเทรดทองให้เลือก 3 ประเภทหลักๆ ซึ่งแต่ละบัญชีมีข้อแตกต่างกันในแง่ Spread, ค่าคอมมิชชั่น, และ ต้นทุนโดยรวม

ประเภทบัญชีSpread เฉลี่ย ($)ค่าคอมมิชชั่น ($/Lot)Spread+Commission
Pro16.48016.48
Zero5.871419.87
Premium32.56032.56
  • บัญชี Pro เหมาะกับนักเทรดทั่วไปที่ต้องการ Spread ปานกลางและไม่มีค่าคอมมิชชั่น
  • บัญชี Zero เหมาะกับ Scalper หรือ Day Trader ที่ต้องการ Spread ต่ำมาก (87 USD) แต่ต้องยอมรับค่าคอมมิชชั่น 14 USD/Lot
  • บัญชี Premium มี Spread สูงถึง 56 USD ซึ่งสูงกว่าหลายโบรกเกอร์ อาจไม่เหมาะสำหรับนักเทรดที่ต้องการต้นทุนต่ำ

Swap และต้นทุนถือออเดอร์ข้ามคืน

Swap เป็นค่าธรรมเนียมที่เทรดเดอร์ต้องจ่ายเมื่อถือออเดอร์ข้ามคืน ซึ่งมีผลต่อกลยุทธ์การเทรดแบบ Swing Trading หรือ Long-term Trading

ประเภทบัญชีSwap LongSwap Short
Pro-46.340
Zero-46.340
Premium-46.340
  • HFM คิด Swap เป็นลบสำหรับฝั่ง Buy (-34 USD) ซึ่งสูงกว่าหลายโบรกเกอร์
  • ไม่มี Swap เป็นบวก สำหรับฝั่ง Sell (00 USD)
  • Swap ที่สูงอาจส่งผลเสียต่อเทรดเดอร์ที่ต้องการถือออเดอร์ระยะยาว
  • แนะนำสำหรับนักเทรดระยะสั้น (Day Trader) ที่ปิดออเดอร์ภายในวัน จะช่วยหลีกเลี่ยงต้นทุน Swap ที่สูง
การเทรดทองคำกับ HFM
รูปที่ 4 ใครจะเทรดทองบน HFM อาจจะต้องพิจารณาเทรดแต่ฝั่ง Sell ถ้าเปิดไม้ข้ามวันเพราะค่า Swap ขา Buy ค่อนข้างแรง

Leverage และ Stop Out Level

  • เลเวอเรจสูงสุด 1:2000 ซึ่งสูงกว่าหลายโบรกเกอร์ และช่วยให้สามารถเปิดออเดอร์ขนาดใหญ่ด้วยเงินทุนที่น้อย
  • Stop Out ที่ 20% ทำให้มีโอกาสรักษาออเดอร์ได้นานขึ้นก่อนถูกปิดโดยอัตโนมัติ
  • เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการเลเวอเรจสูงในการทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาทอง

ข้อดี-ข้อเสียของการเทรดทองกับ HFM

ข้อดี

  • บัญชีหลากหลายให้เลือก
  • Spread บัญชี Zero ต่ำมาก ทำให้ต้นทุนการเข้าออกออเดอร์ต่ำ
  • เลเวอเรจสูงสุด 1:2000
  • ไม่มีค่าคอมมิชชั่นในบัญชี Pro และ Premium
  • ไม่มี Requotes หรือคำสั่งดีเลย์

ข้อเสีย

  • Swap ลบสูงมาก (-46.34 USD สำหรับฝั่ง Buy) ไม่เหมาะสำหรับการถือออเดอร์ระยะยาว
  • บัญชี Zero มีค่าคอมมิชชั่นสูง (14 USD/Lot) แม้ Spread จะต่ำ
  • บัญชี Premium มี Spread สูงเกินไป (32.56 USD) ทำให้ต้นทุนการเทรดสูง

HFM เทรดทองเหมาะกับใคร?

เหมาะสำหรับอาจไม่เหมาะสำหรับ
เทรดเดอร์แนว Scalping หรือ Day Trading ที่ต้องการ Spread ต่ำ (บัญชี Zero)การเทรดระยะยาว (Swing/Position Trading) ที่ต้องการถือออเดอร์ข้ามคืน เพราะ Swap เป็นลบสูง
เทรดเดอร์ที่ต้องการ เลเวอเรจสูง (1:2000) เพื่อเพิ่มโอกาสทำกำไรการเทรดที่ต้องการค่าคอมมิชชั่นต่ำที่สุด เนื่องจากบัญชี Zero มีค่าคอมมิชชั่น 14 USD/Lot
เทรดเดอร์ที่ ไม่ถือออเดอร์ข้ามคืน เพื่อลดต้นทุน Swap

สรุปสั้นๆ แบบนี้ครับว่า HFM จะเหมาะกับการเทรดทองไหม

  • ถ้าคุณเป็น Scalper หรือ Day Trader → HFM เป็นตัวเลือกที่ดี!
  • ถ้าคุณถือออเดอร์ข้ามคืน → อาจต้องพิจารณาโบรกเกอร์ที่มี Swap ที่ดีกว่า
  • หากคุณต้องการต้นทุนต่ำสุด แนะนำบัญชี Zero แต่ต้องยอมรับค่าคอมมิชชั่น 14 USD/Lot

โบรกเกอร์ HFM เป็นมิตรต่อ EA forex ไหม

การใช้ EA เป็นกลยุทธ์ยอดนิยมของนักเทรดที่ต้องการระบบอัตโนมัติในการซื้อขาย Forex แต่โบรกเกอร์แต่ละแห่งมีเงื่อนไขที่แตกต่างกัน บางแห่งอาจ จำกัดการใช้ EA หรือมีข้อกำหนดที่ทำให้การใช้งาน EA ไม่สะดวก

เราจะวิเคราะห์กันดีกว่าครับว่า HFM จะเป็นมิตรต่อการใช้ EA หรือไม่ โดยพิจารณาจาก ความเร็วเซิร์ฟเวอร์, ประเภทบัญชี, ค่าคอมมิชชั่น, การรองรับ VPS, เงื่อนไขการเทรด, และข้อจำกัดต่างๆ

ความเร็วเซิร์ฟเวอร์และ Execution Speed

  • จากข้อมูลที่วิเคราะห์ก่อนหน้า HFM มีความเร็วเปิดออเดอร์อยู่ที่ 303.442 ms และความเร็วปิดออเดอร์ 290 ms ซึ่งอยู่ในระดับกลางค่อนไปทางเร็ว
  • ความเร็วในการปรับ Stop Loss/Take Profit อยู่ที่ 179-178 ms ซึ่งดีพอสำหรับการรัน EA ที่ต้องการการดำเนินการรวดเร็ว
  • สำหรับ EA ที่ต้องการ Execution Speed สูง HFM สามารถรองรับได้ดี

ประเภทบัญชีที่รองรับ EA

HFM มีบัญชีที่รองรับการใช้งาน EA ได้ทุกประเภท โดยแต่ละบัญชีมีข้อดี-ข้อเสียที่แตกต่างกันดังนี้ครับ

ประเภทบัญชีSpread ($)Com ($/Lot)Spread+Comเหมาะสำหรับ EA แบบไหน?
Pro16.48016.48EA ทั่วไป, Swing Trading
Zero5.871419.87EA Scalping, HFT
Premium32.56032.56Trade ยาว

หมายเหตุ : ข้อมูลในตารางเก็บมาจากคู่ XAUUSD

ประเภทบัญชี HFM สำหรับการเทรด EA แต่ละรูปแบบ
รูปที่ 5 มี ea ดีๆแล้ว จะเอาไปรันบนบัญชีประเภทไหนดีน้า

บัญชี Zero เหมาะสำหรับ EA Scalping และ HFT

  • มี Spread ต่ำเพียง 87 USD ซึ่งช่วยลดต้นทุนการเข้าออกออเดอร์
  • แต่ต้องยอมรับค่าคอมมิชชั่น 14 USD/Lot

บัญชี Pro เหมาะกับ EA ที่ถือออเดอร์ระยะกลาง-ยาว

  • ไม่มีค่าคอมมิชชั่น แต่มี Spread ที่สูงกว่าบัญชี Zero
  • เหมาะสำหรับ EA ที่ใช้แนวทาง Trend Following หรือ Swing Trading

HFM เปิดให้ใช้ EA ได้ทุกบัญชี แต่ถ้าเน้น Scalping หรือ High-Frequency Trading ควรเลือกบัญชี Zero

HFM รองรับ VPS หรือไม่?

HFM ให้บริการ VPS ฟรี สำหรับนักเทรดที่ใช้ EA แต่ต้องผ่านเงื่อนไขดังต่อไปนี้

  1. ต้อง ฝากเงินขั้นต่ำ 400 USD ภายใน 30 วัน
  2. ต้องมีปริมาณการเทรด อย่างน้อย 2 Standard Lots ต่อเดือน
  3. หากไม่ผ่านเงื่อนไข จะต้องเสียค่าบริการ VPS

เรามาดูสเปคของ VPS ที่ทาง HFM ให้มากันดีกว่า

แพ็กเกจราคา ($/เดือน)CPURAM (MB)Storage (GB)
Bronzeฟรี (หากผ่านเงื่อนไข)1 Core256030
Silver502 Core409650
Gold807 Core665670

หมายเหตุ: HFM รองรับ VPS ฟรี แต่ต้องมีเงื่อนไข หากใช้ EA หนัก ๆ อาจต้องเลือกแพ็กเกจสูงขึ้น หรือใช้ VPS จากผู้ให้บริการอื่น

บริการรัน EA บน VPS ของ HFM
รูปที่ 6 ทาง HFM มี VPS ให้ใช้ฟรีด้วยนะ!!

เงื่อนไขการเทรดและข้อจำกัดสำหรับ EA

HFM อนุญาตให้ใช้ EA ได้ แต่มีข้อจำกัดบางประการ จึงขอสรุปเป็นตารางดังนี้ครับ

สิ่งที่ HFM อนุญาต

  • Scalping ได้ เหมาะสำหรับ EA ที่ใช้กลยุทธ์ Scalping และ HFT
  • Hedging ได้ สามารถถือออเดอร์ Buy และ Sell พร้อมกันได้

ข้อจำกัดที่ต้องพิจารณา

  • ไม่รองรับ Arbitrage Trading EA หากใช้ EA ที่ทำกำไรจากความต่างของราคา (Latency Arbitrage) อาจถูกแบน
  • ถ้าใช้ HFT ต้องระวังหน่อยนะ เพราะส่งคำสั่งช้าไปนิด

เปรียบเทียบ HFM กับโบรกเกอร์อื่นที่รองรับ EA

โบรกเกอร์รองรับ EAScalpingVPS ฟรีมีบัญชี Spread ต่ำ
HFMใช้ได้ทุกบัญชีได้ฟรีแบบมีเงื่อนไขบัญชี Zero
Exnessใช้ได้ทุกบัญชีได้ฟรี ไม่มีเงื่อนไขบัญชี Raw
IC Marketsใช้ได้ทุกบัญชีได้ไม่มีบัญชี Raw
XMใช้ได้ทุกบัญชีไม่แนะนำฟรี แต่ต้องสมัครSpread สูง

HFM เป็นโบรกเกอร์ที่รองรับ EA ได้ดี โดยเฉพาะบัญชี Zero แต่ถ้าเทรดเดอร์ต้องการ VPS ฟรีแบบไม่มีเงื่อนไข อาจต้องพิจารณาโบรกเกอร์อื่น เช่น Exness เป็นต้น

ระบบ CopyTrade ของ HFM เป็นยังไงบ้าง?

HFM มี ระบบ Copy Trading ที่เรียกว่า HFcopy ซึ่งช่วยให้นักลงทุนสามารถคัดลอกกลยุทธ์การเทรดของเทรดเดอร์มืออาชีพได้อัตโนมัติ โดยที่ไม่ต้องทำการซื้อขายเอง ระบบนี้เหมาะสำหรับ นักลงทุนที่ต้องการสร้างรายได้จากตลาด Forex แต่ไม่มีเวลาหรือความเชี่ยวชาญเพียงพอ

ระบบ HFcopy คืออะไร? ทำงานยังไง?

HFcopy เป็นแพลตฟอร์ม Copy Trading ที่ช่วยให้ Follower (นักลงทุน) สามารถคัดลอกกลยุทธ์จาก Strategy Provider (เทรดเดอร์ที่ให้ Copy) ได้โดยอัตโนมัติ

  • Follower → เลือก Strategy Provider ที่ต้องการติดตาม และระบบจะคัดลอกออเดอร์ให้โดยอัตโนมัติ
  • Strategy Provider → เป็นเทรดเดอร์ที่แชร์กลยุทธ์ของตนเอง โดยสามารถกำหนดค่าธรรมเนียมเป็น “Performance Fee” และรับรายได้จากการถูกติดตาม
  • HFcopy เหมาะสำหรับทั้งนักลงทุนที่ต้องการ CopyTrade และนักเทรดที่ต้องการให้ผู้อื่น Copy เพื่อรับค่าคอมมิชชั่น
HFM Copytrade
รูปที่ 7 ทางค่าย HFM ก็ยังมีระบบ Copytrade ที่น่าสนใจครับ ซึ่งหากเป็นนักลงทุนที่ไม่อยากเทรดเองหรือเช่า VPS เองนะ Copytrade เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีครับ

ฟีเจอร์หลักของ HFcopy

จุดเด่นของ HFcopy

  • ใช้งานง่าย – สามารถเริ่ม Copy ได้ในไม่กี่คลิก
  • เลือกเทรดเดอร์ได้จากหลายกลยุทธ์ – มีตัวเลือกมากกว่า 2,461 กลยุทธ์ ให้ติดตาม
  • มีระบบคัดกรอง Strategy Provider – ดูผลกำไร, ความเสี่ยง, และประวัติการเทรดได้
  • Performance Fee โปร่งใส – ผู้ให้กลยุทธ์สามารถตั้งค่าธรรมเนียมเป็น % จากกำไรที่ทำได้
  • ควบคุมความเสี่ยงได้ – นักลงทุนสามารถกำหนดขนาดล็อตและสัดส่วนการลงทุนเอง

ข้อจำกัดของ HFcopy

  • ไม่มีการคัดกรองเทรดเดอร์ล่วงหน้า – เทรดเดอร์ทุกคนสามารถเป็น Strategy Provider ได้ ซึ่งอาจมีเทรดเดอร์ที่ไม่มีคุณภาพ
  • ค่าธรรมเนียมขึ้นอยู่กับเทรดเดอร์ – Performance Fee อาจสูงหรือต่ำขึ้นอยู่กับ Strategy Provider ที่เลือก
  • ไม่สามารถ Copy เทรดเดอร์จากโบรกเกอร์อื่นได้ – ระบบ CopyTrade ใช้งานได้เฉพาะภายใน HFM เท่านั้น

ค่าธรรมเนียม HFcopy เป็นแบบไหน?

HFM ไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝงในการใช้ HFcopy แต่ นักลงทุนจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมให้กับ Strategy Provider ในรูปแบบของ Performance Fee

ค่าธรรมเนียมรายละเอียด
Performance Feeกำหนดโดย Strategy Provider (สูงสุด 50%)
ค่าธรรมเนียมการใช้ CopyTradeไม่มี
ค่าธรรมเนียม Spread และ Commissionตามประเภทบัญชีของ HFM

หมายเหตุ: Performance Fee คือ ค่าธรรมเนียมที่นักลงทุนต้องจ่ายให้กับ Strategy Provider เป็นเปอร์เซ็นต์ของกำไรที่ทำได้

ข้อสรุปจากผู้เชี่ยวชาญ HFM น่าใช้งานไหม?

คำตอบ: HFM เป็นโบรกเกอร์ที่ดีและน่าเชื่อถือ มีเงื่อนไขการเทรดที่ดีโดยเฉพาะสำหรับนักเทรดที่ใช้ EA หรือ CopyTrade อย่างไรก็ตาม ควรหลีกเลี่ยงการถือออเดอร์ระยะยาว เนื่องจาก Swap ค่อนข้างแพง

  • หากคุณเป็น Scalper, Day Trader หรือ CopyTrader → HFM เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมตัวหนึ่งเลย
  • หากคุณเป็นนักลงทุนที่ถือออเดอร์ยาว หรือไม่ต้องการจ่ายค่าคอมมิชชั่นสูง → อาจต้องพิจารณาทางเลือกอื่น เช่น หาโบรกที่มีบัญชี Free Swap หรือ มีค่า Swap ที่ถูกกว่านี้

สรุปแล้วครับว่า HFM เป็นโบรกเกอร์ที่น่าใช้งานสำหรับนักเทรดที่ต้องการเงื่อนไขการเทรดที่ดีและระบบ CopyTrade ที่ใช้งานง่าย แต่ไม่เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการถือออเดอร์ระยะยาวหรือถอนเงินผ่าน Crypto นั่นเอง หวังว่าการรีวิวนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านและเทรดเดอร์ที่น่ารักทุกท่านไม่มากก็น้อยนะครับ

แสดงข้อคิดเห็น ให้กำลังใจ

comments

สารบัญบทความ click เพื่อเลือกอ่าน !!

สารบัญบทความ