







HFM หรือที่รู้จักกันในชื่อเดิมว่า HotForex เป็นโบรกเกอร์ที่ให้บริการมาตั้งแต่ปี 2010 และได้รับใบอนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแลชั้นนำ เช่น FCA (UK), DFSA (Dubai), FSCA (South Africa), FSA (Seychelles), และ CMA (Kenya) ทำให้ HFM มีความน่าเชื่อถือในระดับสูง
ด้วยเงื่อนไขการเทรดที่ รองรับทั้งมือใหม่และมืออาชีพ HFM มีจุดเด่นในด้าน เลเวอเรจสูงสุด 1:2000, ฝากถอนฟรีค่าธรรมเนียม, และบัญชีเทรดหลากหลายประเภท อย่างไรก็ตาม ยังมีจุดอ่อนบางประการที่อาจทำให้ไม่เหมาะกับเทรดเดอร์บางกลุ่ม เรามาวิเคราะห์กันครับว่าจุดแข็งและจุดอ่อนของ HFM มีอะไรบ้าง!
ข้อมูลสำคัญของ HFM
- ก่อตั้ง: ปี 2010
- ใบอนุญาต: FCA ,DFSA ,FSCA,FSA Seychelles และ CMA
- เวลาฝากเงิน: น้อยกว่า 5 นาที
- เวลาถอนเงิน: ใช้เวลาเพียง 1 นาที
- ค่าธรรมเนียมฝากถอน: ต่ำมาก (0.3%)
- Leverage สูงสุด: 1:2000
- Spread EUR/USD เริ่มต้น: 0.0 pips (บัญชี Zero)
- ประเภทบัญชี: Zero, Premium, Pro, Cent
เปิดบัญชี HFM ฟรี
เปิดบัญชีง่าย ใช้เวลาเพียง 5 นาที ไม่มีค่าธรรมเนียม
สรุปข้อได้เปรียบของ HFM เมื่อเทียบกับโบรกเกอร์อื่น
หลังจากที่เราได้รีวิวมาอย่างดีแล้ว ข้อมูลที่ได้มาเอาไปเทียบกับโบรกเกอร์อื่นก็นับได้ว่า HFM อยู่เหนือกว่าที่อื่นๆ ประมาณ 5 ข้อใหญ่ๆ ดังนี้จ่ะ
1. ระบบฝากถอนยอดเยี่ยม (Top 3)
- ค่าธรรมเนียมฝากถอนต่ำมาก (0.3%) ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่ดี
- ฝากถอนได้เร็ว :
- ฝากเงินใช้เวลา 0 นาที (ทันที)
- ถอนเงินใช้เวลาเพียง 1 นาที
- ได้คะแนนรวมการฝากถอนที่ 9.19 ซึ่งเป็นอันดับต้น ๆ ในหมู่โบรกเกอร์
- รองรับการฝากถอนในวันเสาร์-อาทิตย์ (ช่วยให้เทรดเดอร์มีความสะดวกมากขึ้น)
- ไม่มีปัญหาในการฝากถอนเลย ในระหว่างการทดสอบ
- ข้อได้เปรียบ : เหมาะกับเทรดเดอร์ที่ต้องการฝากถอนเงินได้เร็ว และไม่มีค่าธรรมเนียมที่สูง
2. ต้นทุนการเทรดต่ำ
HFM มี ต้นทุนการเทรดที่ดี โดยเฉพาะในบัญชี Zero และ Pro ซึ่งให้ Spread และ Commission ค่อนข้างต่ำในหลาย ๆ สินทรัพย์ เช่น
- EURUSD (บัญชี Zero)
- Spread = 0.0 pips
- ค่าคอมมิชชั่นต่ำ ทำให้ต้นทุนต่ำมาก
- ทองคำ XAUUSD
- บัญชี Zero: Spread เฉลี่ยเพียง 5.87 USD
- บัญชี Pro: Spread เฉลี่ยอยู่ที่ 16.48 USD (ยังถือว่าดีเมื่อเทียบกับบางโบรกเกอร์)
- ข้อได้เปรียบ : ต้นทุนการเทรดต่ำ เหมาะสำหรับทั้ง Scalper และนักลงทุนที่ต้องการลดค่าใช้จ่ายระยะยาว
3. มีประเภทบัญชีที่หลากหลาย
มีบัญชีหลายประเภทให้เลือก เช่น Zero, Premium, Pro, Cent รองรับทั้งนักเทรดมือใหม่และมืออาชีพ
- บัญชี Zero เหมาะสำหรับนักเทรดที่ต้องการ Spread ต่ำ
- บัญชี Cent เหมาะสำหรับมือใหม่ที่ต้องการฝึกเทรดด้วยเงินจำนวนเล็กน้อย
ข้อได้เปรียบ: เทรดเดอร์สามารถเลือกบัญชีให้เหมาะสมกับกลยุทธ์ของตัวเอง

4. ความหลากหลายของตราสารที่น่าสนใจ
มี สินทรัพย์มากมายหลายอย่างเชียวล่ะคุณผู้อ่าน คุณสามารถเลือกเทรดได้ตามสบายเลยจ้า
- 54 คู่เงิน Forex (ถือว่ามีคู่เงินให้เลือกพอสมควร)
- 13 สินค้าโภคภัณฑ์ (เช่น ทองคำ, น้ำมัน)
- 160 หุ้น ซึ่งมากกว่าโบรกเกอร์ทั่วไป
- ดัชนี 36 ตัว (คะแนนเต็มด้านความหลากหลายดัชนี)
- 39 คริปโตเคอร์เรนซี (ถือว่าอยู่ในระดับปานกลาง)
ข้อได้เปรียบ : มีตัวเลือกการลงทุนที่หลากหลาย เหมาะกับเทรดเดอร์ที่ต้องการกระจายความเสี่ยง
5. ความน่าเชื่อถือสูง
- ปีที่ก่อตั้ง (2010) เปิดให้บริการมา นานกว่า 14 ปี ซึ่งถือเป็นระยะเวลาที่มากพอในการสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน
- จำนวนพนักงาน (967 คน) สูงกว่าหลายโบรกเกอร์ ซึ่งมากกว่าโบรกเกอร์ เช่น Tickmill (439 คน), VT-Markets (206 คน) เป็นต้น สะท้อนถึงการเติบโตและการมีทรัพยากรเพียงพอในการให้บริการลูกค้า
- คะแนนรวมความน่าเชื่อถือของ HFM อยู่ที่ 942 ซึ่งสูงกว่าหลายโบรกเกอร์ เช่น Tickmill (7.035), VTMarkets (6.627), Roboforex (6.147)
- ยอดเข้าชมเว็บไซต์สูง (169,294 ครั้ง) สะท้อนถึง ความนิยมและความน่าเชื่อถือในระดับสูง
- คะแนนรีวิวจาก TrustPilot (4.2/5) ในขณะที่ Tickmill, VTmarkets, และ Roboforex ได้คะแนน 3.7, 3.2, และ 8 ตามลำดับ
- คะแนนรีวิวจาก ForexPeaceArmy (742) คะแนนนี้แสดงถึงความคิดเห็นของเทรดเดอร์ที่มีต่อโบรกเกอร์และประสบการณ์การใช้งาน
- มีระบบแยกเงินลูกค้า (Segregated Account) เพื่อป้องกันการนำเงินของลูกค้าไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ ซึ่งเป็นมาตรฐานความปลอดภัยที่หลายโบรกเกอร์อาจไม่มี

HFM ความเร็วในการส่งสัญญาณเป็นยังไงบ้าง?
จะว่าไปแล้ว HFM ก็ถือว่าเป็นโบรกเกอร์หนึ่งที่ติดอันดับ Top 10 ของโบรกเกอร์ที่ทำตลาดในไทยที่มีความเร็วในการส่งคำสั่งต่างๆ ได้ไวมากๆ ครับ
ความเร็วในการเปิดออเดอร์ (303.442 ms) และปิดออเดอร์ (290 ms)
- แม้ว่าจะไม่ใช่โบรกเกอร์ที่เร็วที่สุด แต่ถือว่า อยู่ในระดับกลางค่อนไปทางเร็ว
- เทียบกับโบรกเกอร์ XM ที่มีความเร็วเปิดออเดอร์ที่ 298.76 ms และปิดที่ 280.321 ms
- HFM ทำได้ดีกว่าโบรกเกอร์ที่มีความล่าช้าสูง เช่น XTB (500 ms), Roboforex (513 ms)
คะแนนรวมด้านความเร็ว (296.721 คะแนน)
- คะแนนนี้ช่วยบ่งบอกว่าความเร็วของ HFM อยู่ในระดับดีพอที่เทรดเดอร์สามารถเข้าออเดอร์ได้โดยไม่มีความล่าช้าสำคัญ
- เทียบกับโบรกเกอร์ที่เร็วกว่า เช่น Exness (898 คะแนน) และ Eightcap (161.5 คะแนน) จะเห็นว่า HFM ยังสามารถแข่งขันได้ดีในตลาด
ความเร็วในการเลื่อน SL/TP (179 – 178 ms)
- ระยะเวลาที่ใช้ในการปรับคำสั่ง Stop Loss และ Take Profit ทำได้เร็วกว่าโบรกเกอร์หลายราย เช่น IC Markets (556 – 288 ms) และ Pepperstone (285 – 283 ms)
- การปรับ SL/TP ได้เร็วช่วยลดโอกาสเกิดความผิดพลาดในการจัดการความเสี่ยง
ไม่มีปัญหา Requotes หรือ Delay (0 ครั้ง)
- บางโบรกเกอร์อาจมีปัญหาการรีโควต (Requotes) หรือคำสั่งถูกดีเลย์ในช่วงตลาดผันผวน
- HFM มีค่า จำนวนครั้งที่เกิดปัญหาเป็นศูนย์ (0 ครั้ง) แสดงให้เห็นถึง เสถียรภาพของเซิร์ฟเวอร์
คะแนนประสิทธิภาพรวม
- HFM ได้คะแนน 5.74 ซึ่งสูงกว่าหลายโบรกเกอร์ เช่น Pepperstone (34), IC Markets (3.91), Dooprime (1.53)
- บ่งบอกถึงคุณภาพโดยรวมของระบบเทรดที่ดีขึ้น

แต่มีเอ๊ะนิดนึงในเรื่อง
- ความเร็วเปิด/ปิดออเดอร์ ยังช้ากว่าโบรกเกอร์ระดับต้น ๆ เช่น Exness (04 ms), Eightcap (157 ms)
- หากคุณเป็น Scalper หรือ High-Frequency Trader (HFT) อาจต้องพิจารณาโบรกเกอร์ที่มีความเร็วสูงกว่านี้
HFM เหมาะสำหรับการเทรดทองไหมนะ?
การเทรดทองคำ (XAUUSD) เป็นที่นิยมในหมู่นักเทรด Forex เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูง และสามารถทำกำไรได้จากแนวโน้มที่ชัดเจน HFM ก็นับว่าเป็นโบรกเกอร์ที่ให้บริการเทรดทองโดยมี บัญชีหลากหลายประเภท, ค่า Spread ที่แข่งขันได้, และ เลเวอเรจสูงสุดถึง 1:2000 แต่ก็ยังมีข้อเสียบางประการที่ต้องพิจารณาบางจุด
ต่อไปนี้จะเป็นการวิเคราะห์ต้นทุนการเทรด, Swap, ค่าคอมมิชชั่น, เลเวอเรจ, และ ข้อดี-ข้อเสีย ของ HFM ในการเทรดทอง เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้ว่า HFM เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคุณไหม
บัญชีเทรดทองที่ HFM มีให้เลือก
HFM มีบัญชีเทรดทองให้เลือก 3 ประเภทหลักๆ ซึ่งแต่ละบัญชีมีข้อแตกต่างกันในแง่ Spread, ค่าคอมมิชชั่น, และ ต้นทุนโดยรวม
ประเภทบัญชี | Spread เฉลี่ย ($) | ค่าคอมมิชชั่น ($/Lot) | Spread+Commission |
---|---|---|---|
Pro | 16.48 | 0 | 16.48 |
Zero | 5.87 | 14 | 19.87 |
Premium | 32.56 | 0 | 32.56 |
- บัญชี Pro เหมาะกับนักเทรดทั่วไปที่ต้องการ Spread ปานกลางและไม่มีค่าคอมมิชชั่น
- บัญชี Zero เหมาะกับ Scalper หรือ Day Trader ที่ต้องการ Spread ต่ำมาก (87 USD) แต่ต้องยอมรับค่าคอมมิชชั่น 14 USD/Lot
- บัญชี Premium มี Spread สูงถึง 56 USD ซึ่งสูงกว่าหลายโบรกเกอร์ อาจไม่เหมาะสำหรับนักเทรดที่ต้องการต้นทุนต่ำ
Swap และต้นทุนถือออเดอร์ข้ามคืน
Swap เป็นค่าธรรมเนียมที่เทรดเดอร์ต้องจ่ายเมื่อถือออเดอร์ข้ามคืน ซึ่งมีผลต่อกลยุทธ์การเทรดแบบ Swing Trading หรือ Long-term Trading
ประเภทบัญชี | Swap Long | Swap Short |
---|---|---|
Pro | -46.34 | 0 |
Zero | -46.34 | 0 |
Premium | -46.34 | 0 |
- HFM คิด Swap เป็นลบสำหรับฝั่ง Buy (-34 USD) ซึ่งสูงกว่าหลายโบรกเกอร์
- ไม่มี Swap เป็นบวก สำหรับฝั่ง Sell (00 USD)
- Swap ที่สูงอาจส่งผลเสียต่อเทรดเดอร์ที่ต้องการถือออเดอร์ระยะยาว
- แนะนำสำหรับนักเทรดระยะสั้น (Day Trader) ที่ปิดออเดอร์ภายในวัน จะช่วยหลีกเลี่ยงต้นทุน Swap ที่สูง

Leverage และ Stop Out Level
- เลเวอเรจสูงสุด 1:2000 ซึ่งสูงกว่าหลายโบรกเกอร์ และช่วยให้สามารถเปิดออเดอร์ขนาดใหญ่ด้วยเงินทุนที่น้อย
- Stop Out ที่ 20% ทำให้มีโอกาสรักษาออเดอร์ได้นานขึ้นก่อนถูกปิดโดยอัตโนมัติ
- เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการเลเวอเรจสูงในการทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาทอง
ข้อดี-ข้อเสียของการเทรดทองกับ HFM
ข้อดี
- บัญชีหลากหลายให้เลือก
- Spread บัญชี Zero ต่ำมาก ทำให้ต้นทุนการเข้าออกออเดอร์ต่ำ
- เลเวอเรจสูงสุด 1:2000
- ไม่มีค่าคอมมิชชั่นในบัญชี Pro และ Premium
- ไม่มี Requotes หรือคำสั่งดีเลย์
ข้อเสีย
- Swap ลบสูงมาก (-46.34 USD สำหรับฝั่ง Buy) ไม่เหมาะสำหรับการถือออเดอร์ระยะยาว
- บัญชี Zero มีค่าคอมมิชชั่นสูง (14 USD/Lot) แม้ Spread จะต่ำ
- บัญชี Premium มี Spread สูงเกินไป (32.56 USD) ทำให้ต้นทุนการเทรดสูง
HFM เทรดทองเหมาะกับใคร?
เหมาะสำหรับ | อาจไม่เหมาะสำหรับ |
---|---|
เทรดเดอร์แนว Scalping หรือ Day Trading ที่ต้องการ Spread ต่ำ (บัญชี Zero) | การเทรดระยะยาว (Swing/Position Trading) ที่ต้องการถือออเดอร์ข้ามคืน เพราะ Swap เป็นลบสูง |
เทรดเดอร์ที่ต้องการ เลเวอเรจสูง (1:2000) เพื่อเพิ่มโอกาสทำกำไร | การเทรดที่ต้องการค่าคอมมิชชั่นต่ำที่สุด เนื่องจากบัญชี Zero มีค่าคอมมิชชั่น 14 USD/Lot |
เทรดเดอร์ที่ ไม่ถือออเดอร์ข้ามคืน เพื่อลดต้นทุน Swap |
สรุปสั้นๆ แบบนี้ครับว่า HFM จะเหมาะกับการเทรดทองไหม
- ถ้าคุณเป็น Scalper หรือ Day Trader → HFM เป็นตัวเลือกที่ดี!
- ถ้าคุณถือออเดอร์ข้ามคืน → อาจต้องพิจารณาโบรกเกอร์ที่มี Swap ที่ดีกว่า
- หากคุณต้องการต้นทุนต่ำสุด แนะนำบัญชี Zero แต่ต้องยอมรับค่าคอมมิชชั่น 14 USD/Lot
โบรกเกอร์ HFM เป็นมิตรต่อ EA forex ไหม
การใช้ EA เป็นกลยุทธ์ยอดนิยมของนักเทรดที่ต้องการระบบอัตโนมัติในการซื้อขาย Forex แต่โบรกเกอร์แต่ละแห่งมีเงื่อนไขที่แตกต่างกัน บางแห่งอาจ จำกัดการใช้ EA หรือมีข้อกำหนดที่ทำให้การใช้งาน EA ไม่สะดวก
เราจะวิเคราะห์กันดีกว่าครับว่า HFM จะเป็นมิตรต่อการใช้ EA หรือไม่ โดยพิจารณาจาก ความเร็วเซิร์ฟเวอร์, ประเภทบัญชี, ค่าคอมมิชชั่น, การรองรับ VPS, เงื่อนไขการเทรด, และข้อจำกัดต่างๆ
ความเร็วเซิร์ฟเวอร์และ Execution Speed
- จากข้อมูลที่วิเคราะห์ก่อนหน้า HFM มีความเร็วเปิดออเดอร์อยู่ที่ 303.442 ms และความเร็วปิดออเดอร์ 290 ms ซึ่งอยู่ในระดับกลางค่อนไปทางเร็ว
- ความเร็วในการปรับ Stop Loss/Take Profit อยู่ที่ 179-178 ms ซึ่งดีพอสำหรับการรัน EA ที่ต้องการการดำเนินการรวดเร็ว
- สำหรับ EA ที่ต้องการ Execution Speed สูง HFM สามารถรองรับได้ดี
ประเภทบัญชีที่รองรับ EA
HFM มีบัญชีที่รองรับการใช้งาน EA ได้ทุกประเภท โดยแต่ละบัญชีมีข้อดี-ข้อเสียที่แตกต่างกันดังนี้ครับ
ประเภทบัญชี | Spread ($) | Com ($/Lot) | Spread+Com | เหมาะสำหรับ EA แบบไหน? |
---|---|---|---|---|
Pro | 16.48 | 0 | 16.48 | EA ทั่วไป, Swing Trading |
Zero | 5.87 | 14 | 19.87 | EA Scalping, HFT |
Premium | 32.56 | 0 | 32.56 | Trade ยาว |
หมายเหตุ : ข้อมูลในตารางเก็บมาจากคู่ XAUUSD

บัญชี Zero เหมาะสำหรับ EA Scalping และ HFT
- มี Spread ต่ำเพียง 87 USD ซึ่งช่วยลดต้นทุนการเข้าออกออเดอร์
- แต่ต้องยอมรับค่าคอมมิชชั่น 14 USD/Lot
บัญชี Pro เหมาะกับ EA ที่ถือออเดอร์ระยะกลาง-ยาว
- ไม่มีค่าคอมมิชชั่น แต่มี Spread ที่สูงกว่าบัญชี Zero
- เหมาะสำหรับ EA ที่ใช้แนวทาง Trend Following หรือ Swing Trading
HFM เปิดให้ใช้ EA ได้ทุกบัญชี แต่ถ้าเน้น Scalping หรือ High-Frequency Trading ควรเลือกบัญชี Zero
HFM รองรับ VPS หรือไม่?
HFM ให้บริการ VPS ฟรี สำหรับนักเทรดที่ใช้ EA แต่ต้องผ่านเงื่อนไขดังต่อไปนี้
- ต้อง ฝากเงินขั้นต่ำ 400 USD ภายใน 30 วัน
- ต้องมีปริมาณการเทรด อย่างน้อย 2 Standard Lots ต่อเดือน
- หากไม่ผ่านเงื่อนไข จะต้องเสียค่าบริการ VPS
เรามาดูสเปคของ VPS ที่ทาง HFM ให้มากันดีกว่า
หมายเหตุ: HFM รองรับ VPS ฟรี แต่ต้องมีเงื่อนไข หากใช้ EA หนัก ๆ อาจต้องเลือกแพ็กเกจสูงขึ้น หรือใช้ VPS จากผู้ให้บริการอื่น

เงื่อนไขการเทรดและข้อจำกัดสำหรับ EA
HFM อนุญาตให้ใช้ EA ได้ แต่มีข้อจำกัดบางประการ จึงขอสรุปเป็นตารางดังนี้ครับ
ข้อจำกัดที่ต้องพิจารณา
- ไม่รองรับ Arbitrage Trading EA หากใช้ EA ที่ทำกำไรจากความต่างของราคา (Latency Arbitrage) อาจถูกแบน
- ถ้าใช้ HFT ต้องระวังหน่อยนะ เพราะส่งคำสั่งช้าไปนิด
เปรียบเทียบ HFM กับโบรกเกอร์อื่นที่รองรับ EA
โบรกเกอร์ | รองรับ EA | Scalping | VPS ฟรี | มีบัญชี Spread ต่ำ |
---|---|---|---|---|
HFM | ใช้ได้ทุกบัญชี | ได้ | ฟรีแบบมีเงื่อนไข | บัญชี Zero |
Exness | ใช้ได้ทุกบัญชี | ได้ | ฟรี ไม่มีเงื่อนไข | บัญชี Raw |
IC Markets | ใช้ได้ทุกบัญชี | ได้ | ไม่มี | บัญชี Raw |
XM | ใช้ได้ทุกบัญชี | ไม่แนะนำ | ฟรี แต่ต้องสมัคร | Spread สูง |
HFM เป็นโบรกเกอร์ที่รองรับ EA ได้ดี โดยเฉพาะบัญชี Zero แต่ถ้าเทรดเดอร์ต้องการ VPS ฟรีแบบไม่มีเงื่อนไข อาจต้องพิจารณาโบรกเกอร์อื่น เช่น Exness เป็นต้น
ระบบ CopyTrade ของ HFM เป็นยังไงบ้าง?
HFM มี ระบบ Copy Trading ที่เรียกว่า HFcopy ซึ่งช่วยให้นักลงทุนสามารถคัดลอกกลยุทธ์การเทรดของเทรดเดอร์มืออาชีพได้อัตโนมัติ โดยที่ไม่ต้องทำการซื้อขายเอง ระบบนี้เหมาะสำหรับ นักลงทุนที่ต้องการสร้างรายได้จากตลาด Forex แต่ไม่มีเวลาหรือความเชี่ยวชาญเพียงพอ
ระบบ HFcopy คืออะไร? ทำงานยังไง?
HFcopy เป็นแพลตฟอร์ม Copy Trading ที่ช่วยให้ Follower (นักลงทุน) สามารถคัดลอกกลยุทธ์จาก Strategy Provider (เทรดเดอร์ที่ให้ Copy) ได้โดยอัตโนมัติ
- Follower → เลือก Strategy Provider ที่ต้องการติดตาม และระบบจะคัดลอกออเดอร์ให้โดยอัตโนมัติ
- Strategy Provider → เป็นเทรดเดอร์ที่แชร์กลยุทธ์ของตนเอง โดยสามารถกำหนดค่าธรรมเนียมเป็น “Performance Fee” และรับรายได้จากการถูกติดตาม
- HFcopy เหมาะสำหรับทั้งนักลงทุนที่ต้องการ CopyTrade และนักเทรดที่ต้องการให้ผู้อื่น Copy เพื่อรับค่าคอมมิชชั่น

ฟีเจอร์หลักของ HFcopy
จุดเด่นของ HFcopy
- ใช้งานง่าย – สามารถเริ่ม Copy ได้ในไม่กี่คลิก
- เลือกเทรดเดอร์ได้จากหลายกลยุทธ์ – มีตัวเลือกมากกว่า 2,461 กลยุทธ์ ให้ติดตาม
- มีระบบคัดกรอง Strategy Provider – ดูผลกำไร, ความเสี่ยง, และประวัติการเทรดได้
- Performance Fee โปร่งใส – ผู้ให้กลยุทธ์สามารถตั้งค่าธรรมเนียมเป็น % จากกำไรที่ทำได้
- ควบคุมความเสี่ยงได้ – นักลงทุนสามารถกำหนดขนาดล็อตและสัดส่วนการลงทุนเอง
ข้อจำกัดของ HFcopy
- ไม่มีการคัดกรองเทรดเดอร์ล่วงหน้า – เทรดเดอร์ทุกคนสามารถเป็น Strategy Provider ได้ ซึ่งอาจมีเทรดเดอร์ที่ไม่มีคุณภาพ
- ค่าธรรมเนียมขึ้นอยู่กับเทรดเดอร์ – Performance Fee อาจสูงหรือต่ำขึ้นอยู่กับ Strategy Provider ที่เลือก
- ไม่สามารถ Copy เทรดเดอร์จากโบรกเกอร์อื่นได้ – ระบบ CopyTrade ใช้งานได้เฉพาะภายใน HFM เท่านั้น
ค่าธรรมเนียม HFcopy เป็นแบบไหน?
HFM ไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝงในการใช้ HFcopy แต่ นักลงทุนจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมให้กับ Strategy Provider ในรูปแบบของ Performance Fee
ค่าธรรมเนียม | รายละเอียด |
---|---|
Performance Fee | กำหนดโดย Strategy Provider (สูงสุด 50%) |
ค่าธรรมเนียมการใช้ CopyTrade | ไม่มี |
ค่าธรรมเนียม Spread และ Commission | ตามประเภทบัญชีของ HFM |
หมายเหตุ: Performance Fee คือ ค่าธรรมเนียมที่นักลงทุนต้องจ่ายให้กับ Strategy Provider เป็นเปอร์เซ็นต์ของกำไรที่ทำได้
ข้อสรุปจากผู้เชี่ยวชาญ HFM น่าใช้งานไหม?
คำตอบ: HFM เป็นโบรกเกอร์ที่ดีและน่าเชื่อถือ มีเงื่อนไขการเทรดที่ดีโดยเฉพาะสำหรับนักเทรดที่ใช้ EA หรือ CopyTrade อย่างไรก็ตาม ควรหลีกเลี่ยงการถือออเดอร์ระยะยาว เนื่องจาก Swap ค่อนข้างแพง
- หากคุณเป็น Scalper, Day Trader หรือ CopyTrader → HFM เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมตัวหนึ่งเลย
- หากคุณเป็นนักลงทุนที่ถือออเดอร์ยาว หรือไม่ต้องการจ่ายค่าคอมมิชชั่นสูง → อาจต้องพิจารณาทางเลือกอื่น เช่น หาโบรกที่มีบัญชี Free Swap หรือ มีค่า Swap ที่ถูกกว่านี้
สรุปแล้วครับว่า HFM เป็นโบรกเกอร์ที่น่าใช้งานสำหรับนักเทรดที่ต้องการเงื่อนไขการเทรดที่ดีและระบบ CopyTrade ที่ใช้งานง่าย แต่ไม่เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการถือออเดอร์ระยะยาวหรือถอนเงินผ่าน Crypto นั่นเอง หวังว่าการรีวิวนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านและเทรดเดอร์ที่น่ารักทุกท่านไม่มากก็น้อยนะครับ