Forexthai.in.th ย่อให้
- Risk Management คือการบริหารความเสี่ยงในการเทรด Forex เพื่อเพิ่มโอกาสทำกำไรและรักษาเงินทุน
- วิธีการใช้ Risk Management ได้แก่ กำหนดกลยุทธ์ชัดเจน, อย่าเดิมพันทั้งหมด, บริหารเงินอย่างรอบคอบ, เทรดตามระบบ, ตั้ง Stop loss/Take profit, และคำนวณ Lot size เหมาะสม
- จิตวิทยาการเทรดสำคัญ: รอให้เป็น, ไม่เปรียบเทียบกับคนอื่น, ไม่ประมาท และรักษาวินัยการเทรด
- Backtest เป็นสิ่งสำคัญ ควรทดสอบกลยุทธ์ก่อนเทรดจริงเพื่อประเมิน Winrate และผลกำไร-ขาดทุนเบื้องต้น ยิ่งทำมากยิ่งได้ข้อมูลมาก
- ข้อดีของ Risk Management: ช่วยรักษาเงินต้น, หาโอกาสทำกำไรง่ายขึ้น, ลดโอกาสล้างพอร์ต และทำกำไรสม่ำเสมอในระยะยาว
ในบรรดาคำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของการเทรด Forex คำศัพท์ที่ผมชอบมากที่สุดคือคำว่า “Risk Management” หรือ “การบริหารความเสี่ยง” แน่นอนครับ การเทรด forex คือความเสี่ยงอยู่แล้ว และเป็นความเสี่ยงที่มีมากเสียด้วยในการซื้อขายตราสารต่าง ๆ
ดังนั้น ถ้าคุณอยากเป็นเทรดเดอร์ที่อยู่รอดในสนามรบแห่งนี้ได้ยาวนาน สิ่งที่ควรยึดไว้เป็นคัมภีร์ นั่นคือการบริหารความเสี่ยงพอร์ตของคุณนั่นเองครับ
สารบัญบทความ click เพื่อเลือกอ่าน !!
Risk Management คือ อะไร?
คำว่า Risk Management แปลเป็นไทยได้ว่า “การบริหารความเสี่ยง” โดยเป็นการบริหารความเสี่ยงจากการลงทุนในตลาด forex ซึ่งถือว่าเป็นตลาดที่มีมูลค่าสูงมากในเรื่องของความเสี่ยง การบริหารความเสี่ยงในการเทรดที่ดี จะส่งผลให้คุณนั้นมีโอกาสสูงในการทำกำไรครับ โดยความเสี่ยงทั้งหมดนั้นจะเกี่ยวข้องกับเงินทุน (Asset) ที่คุณมีในพอร์ตการลงทุน
ทำไมถึงสำคัญ? ก็เพราะ:
- ช่วยรักษาเงินทุนของคุณไว้
- เพิ่มโอกาสในการทำกำไรในระยะยาว
- ทำให้คุณเทรดได้อย่างมั่นใจและมีระบบ
- ลดความเสี่ยงจากการขาดทุนก้อนโต
วิธีการใช้ Risk Management กับ forex
ขั้นตอนการบริหารความเสี่ยงหรือ Risk Management กับการเทรด forex นั้นผมสรุปออกมาได้เป็นขั้นตอนดังต่อไปนี้คือ
- หาสูตรในการเทรดของคุณให้รัดกุม: หมายถึงตัวบ่งชี้ครับ เลือกมาประมาณ 3-4 ตัว เพื่อประกอบการเทรดของคุณ อย่าเยอะเกินไปนะครับ เดี๋ยวจะงงเอา
- กำหนดการบริหารการเงินของคุณให้ดีที่สุด: สำคัญมากครับ ลองอ่านบทความของผมเรื่อง MM ดูก่อน มันจะช่วยคุณได้เยอะเลย
- แบ่งพอร์ตให้เป็น: อย่าเอาไข่ไปใส่ในตะกร้าใบเดียว กระจายความเสี่ยงไปหลายๆ คู่เงิน แต่ก็อย่าเยอะเกินไป อาจแบ่งเป็น 3-4 คู่เงินหลักที่คุณถนัด
- อย่าวางเงินหมดหน้าตัก: ผมว่าคุณเข้าใจที่ผมนำเสนอนะ คือหมายถึง อย่าไปบ้า! เดิมพันมันเหมือนการพนัน อย่าทำ!
- เทรดตามระบบเท่านั้น!: เน้นว่าตามระบบเท่านั้น หากคุณจะเทรดนอกเหนือจากระบบที่คุณวางไว้ให้หยุดทำเด็ดขาด
- กำหนด Stop loss และ Take profit ให้ชัดเจน: โดยอาจจะกำหนด Risk Reward = 1:1 หรือ 1:2 หรือ ขึ้นอยู่กับกลยุทธ์การเทรด แต่ต้องชัดเจนนะ อย่าลังเล
- กำหนด Lot size ที่เหมาะสม: โดยเทรดเดอร์ควรจะคำนวณ Lot size กับ ระยะ take profit ให้ดี ๆ ครับ บางเทคนิคเน้นออก Lot ใหญ่ แต่มีระยะ take profit ที่สั้น หรือ กำหนด Lot เล็ก ๆ แต่กิน take profit ยาว ๆ เป็นต้นครับ แล้วแต่สไตล์ของคุณ
- การทำ Backtest เป็นสิ่งที่ดีเสมอ: โดยวิธีการ Backtest สำหรับคนที่เทรดมือ เป็นอะไรที่ต้องนั่งทำก่อนที่เราจะไปเทรดจริงเสมอ ซึ่งข้อดีของการทำแบบนี้ คือ เราจะรู้อัตราการชนะ Winrate และกำไรขาดทุนในเบื้องต้นครับ ซึ่งค่าพวกนี้จะมีความแข็งแรงมากน้อยเท่าไหร่ก็ย่อมอยู่กับจำนวนครั้งที่ทำ Backtest ครับ ยิ่งทำเยอะยิ่งแม่น!
- ทำ Journal เทรด: จดบันทึกทุกการเทรด วิเคราะห์จุดแข็งจุดอ่อน เพื่อพัฒนาตัวเองต่อไป บันทึกทั้งการเทรดที่ประสบความสำเร็จและล้มเหลว
- การคำนวณความเสี่ยงของแต่ละ Order: เป็นอะไรที่ทำให้เราเทรดได้อย่างสบายใจมากขึ้น โดยสูตรมีดังนี้ครับ
[1 ÷ (100 – Win Rate) ] x ความเสี่ยงที่รับได้
เมื่อความเสี่ยงที่รับได้คือ max drawdown ครับ ซึ่งสมมติว่าเรายอมขาดทุนสูงสุดได้ 30% ของเงินต้น ค่าตัวนี้แหละคือค่าความเสี่ยงที่รับได้จ้า และเมื่อแทนค่าไปในสูตรก็ได้จะแบบนี้ครับ ==> [1 ÷ (100 – 60) ] x 30 = 0.75 ตีความว่าใน 1 order ที่เราออกไปนั้นมีความเสี่ยง 0.75% ของต้นทุนเรานั่นเองครับ
จิตวิทยาการเทรด: หัวใจของ Risk Management
การบริหารความเสี่ยงมาพร้อมกับจิตวิทยาผู้เทรด ถ้าเรามีรูปแบบความคิดที่สามารถจัดการกับช่วงขาดทุน หรือ รอไปจนถึงแผนที่เราวางไว้ได้ นั่นจะเป็นอีกก้าวความสำเร็จของคุณ วันนี้เราจึงอยากให้ข้อมูลเกี่ยวกับจิตวิทยาการเทรดเพื่อให้ได้ทำความเข้าใจตัวเอง รู้เท่าทันความคิดของตนเอง และนำมาปรับใช้ใน trade setup ของตนเอง
1. รอให้เป็นเย็นให้พอ
เมื่อคุณเข้ามาเป็นเทรดเดอร์ สิ่งแรกที่คุณต้องทำให้เป็นคือ “การรอ” จังหวะการเปิดออเดอร์ในคู่เงินหนึ่งไม่ได้สามารถเปิดได้ตลอดเวลา คุณจำเป็นที่จะต้องมองกราฟ วิเคราะห์กราฟ และทำการรอราคาที่แม่นยำก่อนเริ่มเปิดออเดอร์ Buy ในราคาถูก และ Sell ในราคาแพง
ถ้าคุณไม่รอแล้วเปิดออเดอร์ตรงกลางทาง โอกาสที่คุณจะทำกำไรจะมีน้อยลง คุณอาจจะต้องรอนานขึ้นเพื่อปิดกำไร สร้างความกดดันเวลาเห็นพอร์ตเป็นสีแดง บางคนเห็นไม่ไปในทางที่เราเปิดก็กดปิดขาดทุนไป ทั้ง ๆ ที่มันอาจจะวกกลับมาก็ได้ แต่เรา…
“รอไม่เป็น”
2. วิธีเทรดแต่ละคนไม่เหมือนกัน อย่าหาเอามาเทียบกัน
เทรดเดอร์แต่ละคนมีความถนัดในท่าเทรดที่แตกต่างกัน หากคนหนึ่งถนัดเทรดระยะสั้น อาจเปิดออเดอร์ Buy ในขณะที่อีกคนดูการเทรดระยะยาวและเปิดออเดอร์ Sell ดังนั้นก็ไม่ได้มีใครผิด
หากเราคิดจะเทรดตามคนอื่นเราต้องทำความเข้าใจระบบเทรดของเทรดเดอร์คนนั้น และไม่โทษเวลาคนที่เราเทรดตามทำให้เราไม่ได้กำไร มันก็ล้วนเป็นเพราะความรอไม่เป็นและไม่เข้าใจระบบเทรดเอง เปิดออเดอร์ก็เป็นคนเปิดด้วยตัวเอง
“จงอย่าโทษทุกอย่างบนโลก ยกเว้นตัวเอง”
3. อย่าพึ่งคิดว่าตัวเองเก่ง
เมื่อมีหลักการเทรด มือใหม่ในช่วงแรกๆหากเทรดได้กำไรส่วนใหญ่จะเปิดออเดอร์ใน Lot ที่ใหญ่ขึ้นเพราะมั่นใจในตัวเองมากเกินไป จนทำให้ล้างพอร์ตในที่สุด กำไรสำหรับเทรดเดอร์ไม่ได้ได้มาภายในข้ามคืน รักษามาตรฐานการเทรดของตนเองเอาไว้ตามทฤษฎีการบริหารความเสี่ยง จะเป็นผลดีกับตัวนักเทรดมากกว่า
Review Broker Forex
วิเคราะห์ วิจารย์ ข้อดี-ข้อเสีย ข้อมูลจากการเทรดด้วยบัญชีจริง โดยทีมงานหลายคน ...
Risk Management กับการใช้ Leverage
Leverage หรือ การใช้เงินทุนจากโบรกเกอร์เพื่อเพิ่มกำลังซื้อ จริง ๆ แล้วเป็นสิ่งที่มีประโยชน์และเป็นจุดเด่นของตลาด Forex เลยครับ แต่มันก็เป็นดาบสองคมเช่นกัน ใช้เป็นก็เพิ่มกำไร ใช้ไม่เป็นก็ทำให้พอร์ตแตกได้ง่าย ๆ
- เริ่มต้นด้วย Leverage ต่ำๆ: สำหรับมือใหม่ แนะนำให้เริ่มที่ 1:500 ก่อน อย่าเพิ่งไปถึงระดับ 1:1000 หรือ 2000 ที่โบรกเกอร์หลาย ๆ ที่พยายามจะโฆษณา เพราะยิ่งเลเวอเรจสูง ยิ่งความเสี่ยงสูง
- คำนวณความเสี่ยงให้ดี: การใช้ Leverage สูงไม่ได้แปลว่าต้องเทรด lot ใหญ่เสมอไป ให้คำนวณ Lot Size ให้เหมาะสมกับเงินทุนและความเสี่ยงที่รับได้ อย่าโลภมากครับ
- ระวังเรื่อง Margin Call: ยิ่ง Leverage สูง ยิ่งเสี่ยงโดน Margin Call เร็ว
ข้อดีของการทำ Risk Management
- รักษาเงินต้น: ไม่ต้องกลัวว่าจะหมดเงินทุน เพราะการเทรดพลาดไม่กี่ครั้ง คุณจะมีเงินเหลือไว้สู้ต่อเสมอ
- มองเห็นโอกาส: เมื่อควบคุมความเสี่ยงได้ ก็จะช่วยให้คุณนั้นสามารถมองหาโอกาสอย่างง่ายๆ ในการทำกำไร และที่สำคัญคือ ปัญหาเรื่องของการล้างพอร์ตจะไม่เกิดขึ้นกับคุณ
- ทำกำไรสม่ำเสมอ: ช่วยให้คุณนั้นสามารถทำกำไรได้อย่างสม่ำเสมอ ในระยะยาว สร้างรายได้ที่มั่นคง
- เทรดอย่างมืออาชีพ: รู้ว่า Forex คือการลงทุน ไม่ใช่การพนัน คุณจะเทรดอย่างมีระบบและมีเหตุผล
- ควบคุมอารมณ์ได้ดีขึ้น: เมื่อมีระบบ Risk Management ที่ดี คุณจะเทรดด้วยหัว ไม่ใช่ด้วยหัวใจ ลดการตัดสินใจผิดพลาดจากอารมณ์ และจะคำนึงอยู่เสมอว่า การทำ Risk Management นั้นเกี่ยวข้องกับการบริหารเงินหน้าตักของคุณ
สรุป
ไม่ว่าคุณจะเทรด Forex หรือลงทุนในอะไรก็ตาม หรือแม้แต่การทำงานแบบปกติของคุณ (อันแสนน่าเบื่อ ไม่อย่างนั้นคุณไม่มาเทรด forex หรอก) Risk Management คือสิ่งที่ขาดไม่ได้! มันจะช่วยให้คุณรอดพ้นจากหายนะทางการเงิน และนำพาคุณไปสู่ความสำเร็จในระยะยาว
ถ้าคุณยังไม่มีแผนบริหารความเสี่ยง จงประยุกต์หลักการข้างต้นนี้แล้วใช้เลยครับ! แล้วคุณจะเห็นความแตกต่างในการเทรดของคุณอย่างแน่นอน
การเทรด Forex ไม่ใช่การวิ่งระยะสั้น แต่เป็นมาราธอน การมี Risk Management ที่ดีจะช่วยให้คุณวิ่งได้ไกลและยาวนาน โดยไม่ต้องกลัวว่าจะหมดแรงกลางทาง
ทีมงาน: forexthai.in.th