Forexthai.in.th ย่อให้
- Arbitrage หรืออาร์บิทราจ คือ กลยุทธ์ทำกำไรจากความไม่สมดุลของราคา โดยการหาช่องว่างของราคาเพื่อทำกำไรแบบความเสี่ยงต่ำ
- มี 2 รูปแบบหลัก คือ Simple Arbitrage ที่ซื้อขายระหว่างโบรกเกอร์ และ Triangular Arbitrage ที่ทำกำไรจากความไม่สมดุลของ Cross Rate ระหว่าง 3 สกุลเงิน
- กลยุทธ์นี้ต้องคำนึงถึงค่าใช้จ่ายแฝงอย่าง Spread, Swap และ Commission ที่อาจกระทบกำไร อีกทั้งบางโบรกเกอร์อาจไม่อนุญาตให้ทำ
- โอกาสทำกำไรมักเกิดขึ้นในช่วงเวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่วินาที เพราะกลไกตลาดจะปรับสมดุลราคาอย่างรวดเร็ว
- ต้องอาศัยความเข้าใจ การฝึกฝน และการจัดการความเสี่ยงที่ดี จึงจะประสบความสำเร็จในระยะยาว
การเทรด Forex นั้นมีกลยุทธ์การทำกำไรมากมาย แต่มีวิธีหนึ่งที่น่าสนใจเป็นพิเศษ นั่นคือ Arbitrage หรือ อาร์บิทราจ เป็นกลยุทธ์ทำกำไรรูปแบบหนึ่ง ที่มีความเสี่ยงต่ำด้วยการหาช่องว่างของราคาเพื่อทำกำไร ไม่เพียงนิยมแต่ในตลาด Forex เท่านั้น การลงทุนในรูปแบบนี้สามารถทำได้ในทุก ๆ ตลาด ถ้าผู้ลงทุนมีความเข้าใจ
Arbitrage คืออะไร
อาร์บิทราจ (Arbitrage) เป็นกลยุทธ์การทำกำไรจากความไม่สมดุลของราคาในตลาดการเงินหรือการทำกำไรจากช่องว่างของราคา โดยอาศัยหลักการที่ว่าสินทรัพย์เดียวกันควรมีราคาเท่ากันในทุกตลาด หากเกิดความแตกต่างของราคา นั่นคือโอกาสในการทำกำไรแบบไร้ความเสี่ยง (Risk-Free Profit)
อธิบายง่าย ๆ ก็คือ คุณเห็นร้านทองแห่งหนึ่งขายทองคำราคาบาทละ 30,000 บาท ในขณะที่อีกร้านรับซื้อที่ราคา 32,000 บาท นี่คือโอกาสทอง! คุณสามารถซื้อจากร้านแรกและนำไปขายร้านที่สอง ก็จะได้ได้กำไรส่วนต่างทันทีที่ 2,000 บาท
การลงทุนซื้อขายในครั้งนั้น แทบจะไม่มีความเสี่ยงเกิดขึ้นเลย แม้ทฤษฎีจะฟังดูง่าย แต่ในทางปฎิบัติอาจจะต้องมีการปรับให้เข้ากับตลาดนั้น ๆ ที่ต้องการลงทุน เพราะจะมีเงื่อนไขบางอย่างที่แตกต่างกันออกไป

ยกตัวอย่างในตลาด Forex:
- EUR/USD อยู่ที่ 1.0500
- EUR/GBP อยู่ที่ 0.8500
- GBP/USD อยู่ที่ 1.2400
ถ้าคำนวณ Cross Rate แล้วพบว่า EUR/USD ควรอยู่ที่ 1.0540 (0.8500 × 1.2400) แสดงว่ามีโอกาสทำอาร์บิทราจ เพราะราคาในตลาดต่ำกว่าที่ควรจะเป็น 40 pips
ข้อสำคัญคือ โอกาสทำอาร์บิทราจมักเกิดขึ้นในช่วงเวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่วินาที เพราะกลไกตลาดจะปรับสมดุลราคาอย่างรวดเร็ว ดังนั้นเทรดเดอร์ต้องมีระบบที่รวดเร็วและแม่นยำพอที่จะคว้าโอกาสนี้
รูปแบบการทำ Arbitrage ในตลาด Forex
ในตลาด Forex มีการใช้อาร์บิทราจ 2 รูปแบบหลักๆ มาดูกันว่าแบบไหนทำได้จริง แบบไหนเป็นได้แค่ทฤษฎีครับ
1. Simple Arbitrage
เป็นกลยุทธ์พื้นฐานที่เข้าใจง่าย คือการซื้อในที่ราคาถูกและขายในที่ราคาแพง เช่น ซื้อ EUR/USD ที่โบรกเกอร์ A ในราคา 1.0500 และขาย EUR/USD ที่โบรกเกอร์ B ในราคา 1.0510 ก็เท่าดับว่าจะได้กำไร 10 pips (ก่อนหักค่าใช้จ่าย)
แต่…ในทางปฏิบัติ วิธีนี้ทำได้ยากเพราะเราต้องคำนึงถึงต้นทุนในการเทรดด้วยครับ เช่น หักค่า Spread และ Commission ออกไป และราคามักจะเปลี่ยนแปลงเร็วเกินกว่าจะทำกำไรได้

2. Triangular Arbitrage
เป็นกลยุทธ์ที่ซับซ้อนขึ้น โดยใช้การเทรด 3 คู่เงินพร้อม ๆ กัน เพื่อทำกำไรจากความไม่สอดคล้องกันของ Cross Rate โดยส่วนใหญ่จะเห็นในตลาด Forex แต่เทคนิคนี้แทบไม่มีเทรดเดอร์รายย่อยใช้กันเลย เพราะต้องติดตามราคาตลอดเวลาและมีปัจจัยที่ต้องดูหลายอย่างมาก ส่วนใหญ่จะเห็นแต่นักลงทุนสถาบันหรือธนาคารใหญ่ๆ เท่านั้นที่ทำได้ เพราะเขาจะมีระบบคอมพิวเตอร์ที่คอยจับตาดูราคาตลอด 24 ชั่วโมง
วิธีการทำงานง่ายๆ คือ สมมติว่าเราเริ่มด้วยเงินดอลลาร์ (USD) เราจะแลกไปเป็นยูโร (EUR) จากนั้นเอายูโรไปแลกเป็นปอนด์ (GBP) และสุดท้ายเอาปอนด์มาแลกกลับเป็นดอลลาร์ ถ้าหากราคาแลกเปลี่ยนในแต่ละจุดไม่สัมพันธ์กัน เราก็จะได้เงินดอลลาร์กลับมามากกว่าตอนเริ่มต้น เช่น
- เริ่มต้นมี 100 ดอลลาร์
- แลกเป็นยูโรได้ 90 ยูโร
- เอายูโรไปแลกเป็นปอนด์ได้ 80 ปอนด์
- สุดท้ายเอาปอนด์แลกกลับเป็นดอลลาร์ได้ 102 ดอลลาร์
นี่คือกำไร 2 ดอลลาร์จากการแลกเปลี่ยนที่ราคาไม่สมดุลกัน
วิธีทำกำไรที่ไม่ใช่เพียงเทคนิค แต่เป็นกลยุทธ์
ในตลาด Forex การทำอาร์บิทราจ วิธีที่นิยมที่สุดนั่นก็คือ Triangular Hedging โดยวิธีการนี้จะเป็นการเปิดออเดอร์ทั้ง 3 ขา เพื่อให้แต่ลสกุลเงินคานกันเอง เช่น

- ออเดอร์คู่แรก Buy EUR/USD
- ออเดดอร์คู่ที่สอง Sell EUR/GBP
จะเห็นได้ว่า ตอนนี้ได้ทำการ Hedging สำหรับสกุลเงิน EUR ทั้ง Buy และ Sell แต่นั่นยังไม่เพียงพอ จะต้องเพิ่มอีกหนึ่งคู่สกุลเงินนั่นก็คือ
- ออเดอร์ที่สาม Sell GBP/USD
และเมื่อเปิดออเดอร์ที่สาม Sell GBP เท่ากับ Buy USD จึงเกิดเป็น Triangular Hedging ขึ้น เป็นการซื้อขายทั้งสามสกุลเงินในเวลาเดียวกัน
ในดีมีเสียในเสียมีดี เหรียญมีสองด้านเสมอ…
ข้อเสียในการทำอาร์บิทราจ
จงอย่าลืมว่า ในทุกครั้งที่เทรดเดอร์เปิดออเดอร์ จะมีค่าใช้จ่ายแฝงอยู่นั่นก็คือ Spread เมื่อเปิดออเดอร์ก็จะติดลบในทันที ซึ่งเป็นค่าบริการที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะกำไรหรือขาดทุนก็ตาม จำเป็นที่จะต้องเสียค่าบริการนี้ให้กับโบรกเกอร์
จึงเป็นเหตุที่ว่า แม้กลยุทธ์ในการเทรดจะเป็นกลยุทธ์ที่ไม่มีความเสี่ยง หรือความเสี่ยงต่ำมาก ๆ แต่เทรดเดอร์จำเป็นที่จะต้องเข้าใจ และหาวิธีจัดการค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นค่า Spread ค่า Swap หรือค่า Commission รวมถึงโบรกเกอร์ประเภท B-book จะไม่อนุญาตให้สามารถทำได้ เพราะมองว่าเป็นการโกงตลาดมากจนเกินไป
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการเลือกโบรกเกอร์ ประเภทบัญชีที่ใช้ เงื่อนไข ล้วนเป็นสิ่งที่เทรดเดอร์จะต้องหาวิธีจัดการ เพื่อให้สามารถทำการลงทุนในกลยุทธ์นี้ได้ มิเช่นกันอาจจะไม่เห็นแม้แต่กำไรหลังหักค่าใช้จ่ายต่าง ๆ
ตัวอย่างในการทำกำไรอาร์บิทราจ
การทำกำไรจากส่วนต่างของช่องว่างราคาในทางปฎิบัติแล้วอาจจะไม่ได้ง่ายเสมอไป เพราะในตลาด Forex จะต้องใช้วิธีการ Triangular Hedging อีกทั้งยังมีค่าใช้จ่ายแฝงดังที่ได้กล่าวมา หลายคนอาจจะยังมองไม่ออกว่าจะได้กำไรจากส่วนไหน ลองมาพิจารณาเพิ่มเติมด้วยกลยุทธ์ดังต่อไปนี้
- กราฟราคาในตลาด Forex มีขึ้นมีลง และมีโอกาสที่จะโดนลากไปด้านใดด้านหนึ่งเสมอ แต่เมื่อทำการ Triangular Hedging อาจจะอยู่คนละบัญชีหรือโบรกเกอร์ หน้าที่ของเทรดเดอร์จะต้องเฝ้าระวังคอยโยกเงินทุน อีกบัญชีหนึ่งเพื่อไปรองรับความเสี่ยงหรือการเคลื่อนที่ของราคาที่กำลังโดนลาก
- เลือกซื้อหรือขายในทิศทางเดียวกันกับ Swap แม้จะมีหลายโบรกที่จะฟรีค่า Swap แต่อีกนัยหนึ่งก็ยังเป็นประโยชน์ ถ้าหากเทรดเดอร์เข้าทิศทางเดียวกันกับค่า Swap หรือดอกเบี้ยกรณีถือข้ามคืนที่โบรกเกอร์จ่าย ก็จะยิ่งเป็นรายได้เพิ่มขึ้นในพอร์ต

- การทำ อาร์บิทราจ แม้จะอยู่คนละโบรกเกอร์ บัญชี ก็สามารถทำได้ ไม่จำเป็นที่จะอยู่ในโบรกเดียวกันเสมอไป เพียงคงหลักการที่ใช้และทำตามแผน รักษาวินัย ก็นับว่าใช้ได้
- แม้กระทั่งการทำ Hedging คือการซื้อขายในราคาเดียวกันเพื่อควบคุมความเสี่ยงให้คงที่ บางโบรกเกอร์ก็ไม่อนุญาตให้ทำได้ การศึกษาเงื่อนไขที่เป็นประโยชน์ต่อการเทรด นับว่าเป็นเรื่องที่สำคัญ
ความเสี่ยงและข้อควรระวัง เมื่อเทรดด้วย Arbitrage
แม้หลายคนจะมองว่าการทำอาร์บิทราจ ความเสี่ยงต่ำหรือไร้ความเสี่ยงก็ตาม การลงทุนย่อมมีความเสี่ยงอยู่เสมอ ตราบใดที่เงินไม่ได้อยู่ในกระเป๋าของผู้ลงทุนเอง แม้กระทั่งโบรกเกอร์ที่ไว้วางใจ ลับตาอาจจะกำลังวางแผนอย่างใดอย่างหนึ่งก็เป็นได้
คนที่จะอยู่รอดได้ในตลาด คือคนที่รู้เท่าทัน ใช้เงื่อนไขให้เป็นประโยชน์ และมีวิธีจัดการความเสี่ยงได้เป็นอย่างดี
ในตลาดการเงิน ทุกคนเข้ามาไขว่คว้าแย่งชิง นี่ไม่ใช่ตลาดการกุศลที่จะให้ใครคนใดคนหนึ่งเข้ามาคว้าไปได้ง่าย ๆ แต่นี่คือสงครามการเงิน ที่ต้องอาศัยวิชาความรู้ เทคนิค กลยุทธ์เพื่อให้ได้มันมา มิหนำซ้ำยังเสี่ยงที่จะโดนหักหลังผู้ที่ไว้วางใจ แม้แต่โบรกเกอร์เองก็ไว้ใจไม่ได้ จึงตั้งเงื่อนไขที่จะไม่ยอมเสียเปรียบเสมอ
ความเสี่ยงมีอยู่ทุกที่ จะมากจะน้อยอยู่ที่เราจัดการ
สรุป
การลงทุนรูปแบบ Arbitrage (อาร์บิทราจ) กำไรอาจจะไม่มาก ล้วนต้องอาศัยระยะเวลาในการสะสมผลกำไร ให้เป็นกำไรทบต้น จนกว่ากำไรนั่นจะสร้างรายได้ให้มากพอที่จะเลี้ยงดูหรือต่อยอดให้กับผู้ลงทุน จึงจะถือว่าประสบความสำเร็จในระยะยาว
ในทางทฤษฎีอาจจะมองว่าสามารถทำได้ง่าย แต่ในทางปฎิบัติยังคงทำได้ยาก เพราะในการลงทุนจริง ๆ ล้วนมีเงื่อนไขอื่น ๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง จำเป็นที่จะต้องมีการฝึกฝนและทำความเข้าใจก่อนเทรดเสมอ
ทีมงาน Forexthai.in.th