นี่คือบทส่งท้ายของ LEVEL 2 “เริ่มก่อร่างสร้างตัว” จะขอกล่าวถึงเทคนิคพิเศษในการวิเคราะห์แนวโน้มของราคาเพื่อ Up Level ด้วยการนำเสนอเพิ่มเติมในเรื่อง “การใช้แท่งเทียนและแนวรับแนวต้านใน การวิเคราะห์ราคา เพื่อหาจุดเข้าเทรดที่ดีที่สุด” ไปดูกันเลย

เทคนิคพิเศษ เพื่อ UP LEVEL

วิธีดูแท่งเทียนว่ามีความแข็งแกร่งในแนวโน้มที่เป็นอยู่หรือไม่

เคล็ดลับในการอ่านกราฟแท่งเทียน และการแปลความหมายในมุมมองทางเทคนิคของกราฟแท่งเทียนในบทเรียนนี้จะช่วยให้เทรดเดอร์สามารถอ่านกราฟแท่งเทียนได้อย่างทะลุปรุโปร่ง โดยไม่ต้องไปนั่งจำชื่อ Pattern ต่าง ๆ แต่จะเน้นไปที่การทำความเข้าใจและการแปลความหมายกราฟแท่งเทียนมากกว่า

เคล็ดลับในการอ่านกราฟแท่งเทียน
เคล็ดลับในการอ่านกราฟแท่งเทียน และการแปลความหมายในมุมมองทางเทคนิคของกราฟแท่งเทียน

ต้องเข้าใจความหมายของกราฟแท่งเทียนก่อน

การทำความเข้าใจความหมายของกราฟแท่งเทียน คือการค้นหา “อารมณ์” ของผู้ที่เข้ามาซื้อขายในตลาด ดังนั้นเวลาที่อ่านกราฟแท่งเทียน เราจะสามารถรู้ได้เลยว่า

  • ระหว่างฝั่งซื้อกับฝั่งขายฝั่งไหนมีแรงมากกว่ากัน
  • ฝั่งไหนที่มีความรีบร้อนอยากลงมือซื้อขายมากกว่า

เมื่อเราอ่านอารมณ์ของตลาดออกแล้ว เราก็จะสามารถตัดสินใจลงมือเทรดเพื่อให้ได้กำไร มากกว่าโอกาสที่จะต้องขาดทุน

สิ่งที่ต้องนำมาพิจารณาเพื่ออ่านกราฟแท่งเทียน

การอ่านกราฟแท่งเทียน มีวัตถุประสงค์เพื่อทำความเข้าใจถึงอารมณ์ของนักเทรดที่เข้ามาซื้อขายในตลาด เพื่อที่จะสะท้อนถึงพลังของ Volume ในการซื้อขายนั่นเอง การวิเคราะห์จะพิจารณาจากองค์ประกอบหลายอย่าง ดังนี้

1.สีของแท่งเทียน:

โดยทั่วไปแล้วในการบันทึกสีของแท่งเทียนแต่ละแท่ง จะบันทึกหลังจบ Time Frame แต่ละช่วงเวลา ซึ่งมีวิธีการบันทึกสีดังนี้

    • ถ้าฝั่งซื้อชนะ แท่งเทียนจะเป็นสีเขียว
    • ถ้าฝั่งขายชนะ แท่งเทียนจะเป็นสีแดง

ดังนั้น แค่เห็นสีของแท่งเทียนแต่ละแท่ง ก็จะรู้ได้เลยทันทีว่าในช่วงเวลานั้น ๆ ฝ่ายไหนเป็นฝ่ายชนะ เราก็อิงไปทางฝ่ายที่ชนะจะปลอดภัยกว่า

สีของแท่งเทียน
แค่เห็นสีของแท่งเทียนแต่ละแท่ง ก็จะรู้ได้เลยทันทีว่าในช่วงเวลานั้น ๆ ฝ่ายไหนเป็นฝ่ายชนะ

2.ความยาวของแท่งเทียน:

ในแต่ละช่วงเวลาที่เราต้องการรู้ และเลือกดูในช่วงเวลานั้น ๆ ความยาวของแท่งเทียนแต่ละแท่งก็มีความหมายเช่นกัน โดยที่

    • แท่งเทียนที่มีความยาว จะบ่งบอกว่ามีความตื่นตัวในการซื้อขาย จึงทำให้ราคามีความผันผวน
    • แท่งเทียนที่สั้น ๆ จะแสดงถึงความเอื่อยเฉื่อยของทั้งสองฝั่ง ราคาจะไม่ค่อยวิ่ง

เราก็จะเลือกได้ว่าควรเข้าเทรดในจังหวะไหน การเทรดในช่วงที่ราคาผันผวนย่อมมีโอกาสทำกำไรได้มากกว่าการเทรดในช่วงที่ราคาไม่ค่อยวิ่งจริงไหม

ความยาวของแท่งเทียน
แท่งเทียนที่มีความยาว จะบ่งบอกว่ามีความตื่นตัวในการซื้อขาย จึงทำให้ราคามีความผันผวน

3.ราคาต่ำสุดและสูงสุด:

ราคาต่ำสุดและราคาสูงสุดในแต่ละแท่งเทียนมีทิศทางอย่างไร สิ่งนี้ก็มีความหมายเช่นกัน โดยให้พิจารณาว่า

    • ราคาต่ำยกตัวขึ้น ในช่วงขาขึ้นหรือไม่
    • ราคาสูงลดต่ำลง ในช่วงขาลงหรือไม่

สิ่งนี้จะช่วยยืนยันว่าแนวโน้มทิศทางของราคายังคงไม่เปลี่ยนแปลง เราก็แค่เทรดไปตามแนวโน้มที่เป็นอยู่ รับรองได้เลยว่าโอกาสที่จะขาดทุนมีน้อยมาก

ราคาปิดของแท่งเทียน
ราคาต่ำสุดและราคาสูงสุดในแต่ละแท่งเทียนมีทิศทางอย่างไร สิ่งนี้จะช่วยยืนยันแนวโน้มทิศทางของราคา

ทั้งหมดนี้คือวิธีการตีความหมายจากการอ่านกราฟแท่งเทียนที่ทำได้ง่าย ๆ เพื่อที่จะรู้ได้ว่าแท่งเทียนมีความแข็งแกร่งในแนวโน้มที่เป็นอยู่หรือไม่ ขอแนะนำให้ดูทั้งหมดมาประกอบกัน โดยไม่ดูข้อใดข้อหนึ่งแต่เพียงอย่างเดียว เพื่อจะทำให้เห็นแนวโน้มของราคาที่ชัดเจนกว่า

Support-Resistance ทำไมบ่อยครั้งใช้ไม่ค่อยได้ผล

Support (แนวรับ) กับ Resistance (แนวต้าน) คือ “โซนของช่วงราคาที่อ้างอิงจากอดีตว่าเป็นโซนที่ราคามีการทะลุผ่านได้ยาก” โดยวิธีกำหนดว่าตรงไหนคือแนวรับ ตรงไหนคือแนวต้าน มีหลายวิธี ตามแต่นักเทรดจะเลือกใช้

ถึงแม้ว่าพวกเขาจะพบระดับโซน Support กับ Resistance เหล่านี้แล้ว แต่ทำไมบ่อยครั้งมันใช้ไม่ค่อยได้ผล ไปทำความเข้าใจกันเลยดีกว่า

สัญญาณหลอก
มักจะเกิดสัญญาณหลอก การทะลุผ่าน Support-Resistance บ่อยครั้ง จึงใช้ไม่ค่อยได้ผล

Support-Resistance เป็นแค่ราคาในอดีตเท่านั้น

ต้องเข้าใจก่อนว่า Support กับ Resistance เป็นเพียงช่วงราคาในอดีตที่นำมาอ้างอิงเท่านั้น ความจริงก็คือมันอาจไม่มีผลต่อการเคลื่อนไหวของราคาในอนาคตเลยก็ได้ แต่ที่เราต้องมีเส้นแนวรับและแนวต้านนั้นก็เพื่อ

 

“เพื่อเตือนตัวเองว่าถ้าราคาวิ่งไปถึงตรงนั้น มันอาจทำให้กำไรหายไปได้ ดังนั้น เราจึงควรจะทำกำไรเมื่อราคาเข้าใกล้เส้นแนวรับและแนวต้านนั้น”

 

ยิ่งในปัจจุบันนี้ จำนวนการซื้อขายที่มีอยู่มากในตลาด จึงทำให้เรามักจะเห็นการเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงของราคาแบบคาดเดาไม่ได้ เกิดขึ้นบ่อยครั้งในตลาด Forex

ไม่จำเป็นต้องตีเส้นบนกราฟราคาทุก Time Frame

การกำหนดเส้น Support-Resistance บนกราฟราคา ควรมีแค่

  • กราฟราคารายวัน
  • กราฟราคาราย 4 ชั่วโมง

แค่เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว หรือจะเพิ่มกราฟราคาราย 1 ชั่วโมง เข้าไปด้วยก็ได้ แต่ไม่จำเป็นจะต้องตีเส้นครบทุก Time Frame เพราะเส้นเหล่านั้น มีความเกี่ยวข้องกันอยู่แล้ว การพยายามตีเส้นครบทุกช่วงเวลา มีแต่จะทำให้เกิดความสับสน จนอาจส่งผลให้เกิด การวิเคราะห์ราคา ผิดพลาดได้

Support-Resistance
การกำหนดเส้น Support-Resistance บนกราฟราคา ควรมีแค่ DAY และ H4 ก็เพียงพอแล้ว

ตรงไหนที่ควรกำหนดให้เป็น Support-Resistance ได้

ช่วงราคาตรงไหนที่ควรกำหนดให้เป็น Support-Resistance ได้ ให้เลือกช่วงราคาตามเงื่อนไข ดังนี้

  • Resistance คือช่วงที่ราคามีการวิ่งไปถึงโซนดังกล่าว 2-3 ครั้ง แล้วทิ้งตัวกลับลงมา
  • Support คือช่วงที่ราคาวิ่งลงมาทดสอบ 2-3 ก่อนจะเด้งกลับขึ้นไป

ขอให้สังเกตว่ามันเป็นยอด “สูงสุด” หรือ “ต่ำสุด” ของกราฟราคา โดยทั่วไปจะกำหนดยอดสูงของราคาล่าสุด เป็นแนวต้าน และกำหนดยอดต่ำสุดของกราฟราคาล่าสุดเป็นแนวรับ

ต้องกำหนด Support-Resistance เป็น Zone

จากที่เคยเห็นมา Support-Resistance ในตลาด forex ทำไมบ่อยครั้งใช้ไม่ค่อยได้ผล นั่นก็เพราะว่า เทรดเดอร์มักลากเส้น Support-Resistance แค่เส้นเดียว โดยจะไม่เผื่อให้กราฟราคามีการสวิงหรือทะลุผ่านบ้างสักเล็กน้อยเลย นี่คือข้อผิดพลาดอย่างยิ่ง ดังนั้น

  • ควรลากเส้น Support-Resistance จากยอดสูงสุดหรือต่ำสุดที่ผ่านมาล่าสุด
  • ควรเผื่อช่วงราคาทั้งขึ้นบนหรือลงล่าง
Support-Resistance Zone
ควรลากเส้น Support-Resistance จากยอดสูงสุดหรือต่ำสุดที่ผ่านมาล่าสุด แล้วสร้าง Zone

ด้วยวิธีการกำหนดยอดสูงสุดหรือต่ำสุดเป็นแนว แล้วเผื่อราคาไปข้างบนหรือข้างล่างอีกสักเล็กน้อย แล้วเฝ้าสังเกตุพฤติกรรมของกราฟราคาเมื่อวิ่งมาถึง จากนั้น ค่อยเริ่มหาวิธีการเข้าเทรด ที่แม่นยำอีกขั้นหนึ่ง อย่างนี้ จึงจะเป็นวิธีการใช้ Support-Resistance ในตลาด forex ที่ดีที่สุด

ทีมงาน Forexthai.in.th

แสดงข้อคิดเห็น ให้กำลังใจ

comments

1 thoughts on “เทคนิคพิเศษ เพื่อ UP LEVEL การวิเคราะห์ราคา

  1. Pingback: การเทรดออนไลน์ มีอะไรบ้าง -

Comments are closed.