สภาวะของตลาด Forex การระบุเทรนด์ในตลาด สามารถทำได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับปัจจัยที่นักเทรดต้องการพิจารณา ปัจจัยที่สามารถช่วยชี้วัดแนวโน้มในตลาด forex เพื่อระบุ Trend นั้น มีดังนี้

Trend Forex

การวิเคราะห์ทางเทคนิค

การวิเคราะห์ทางเทคนิคเป็นวิธีที่นิยมใช้กันมากที่สุดในการระบุเทรนด์ในตลาด forex โดยนักเทรดจะพิจารณาจากรูปแบบการเคลื่อนไหวของราคา ตัวอย่างวิธีการระบุเทรนด์ในตลาด forex โดยใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิค ดังนี้

  • trend line พิจารณาจากเส้นแนวโน้ม: หากเส้นแนวโน้มมีทิศทางขาขึ้น แสดงว่าราคากำลังมีแนวโน้มขาขึ้น
  • support and resistance พิจารณาจากแนวรับและแนวต้าน: หากราคาทะลุผ่านแนวต้านไปได้ แสดงว่าราคากำลังมีแนวโน้มขาขึ้น
  • moving average พิจารณาจากเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่: หากเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะสั้นตัดเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะยาวขึ้น แสดงว่าราคากำลังมีแนวโน้มขาขึ้น
การวิเคราะห์ทางเทคนิค
การวิเคราะห์ทางเทคนิคเป็นวิธีที่นิยมใช้กันมากที่สุดในการระบุ Trend ในตลาด forex

การวิเคราะห์พื้นฐาน

การวิเคราะห์พื้นฐานเป็นการพิจารณาปัจจัยทางเศรษฐกิจและการเมืองที่ส่งผลกระทบต่อค่าเงิน เช่น อัตราดอกเบี้ย ตัวเลขเศรษฐกิจ นโยบายการเงินและการค้าระหว่างประเทศ เป็นต้น

  • อัตราดอกเบี้ย: หากประเทศใดมีอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าประเทศอื่น จะทำให้ค่าเงินของประเทศนั้นแข็งค่าขึ้น
  • ตัวเลขเศรษฐกิจ: หากตัวเลขเศรษฐกิจของประเทศใดออกมาดี จะทำให้ค่าเงินของประเทศนั้นแข็งค่าขึ้น
  • นโยบายการเงิน: หากนโยบายการเงินของประเทศใดผ่อนคลายลง จะทำให้ค่าเงินของประเทศนั้นอ่อนค่าลง

ข่าวและเหตุการณ์สำคัญ

ข่าวและเหตุการณ์สำคัญ เช่น การเลือกตั้ง ความขัดแย้งทางการเมือง ภัยธรรมชาติ เป็นต้น ก็สามารถส่งผลกระทบต่อแนวโน้มของค่าเงินได้เช่นกัน

  • การเลือกตั้ง: หากประเทศใดมีการเลือกตั้ง จะทำให้ค่าเงินของประเทศนั้นมีความผันผวน
  • การเมือง: หากมีความขัดแย้งทางการเมือง จะทำให้ค่าเงินของประเทศที่ได้รับผลกระทบอ่อนค่าลง
  • ภัยธรรมชาติ: หากเกิดภัยธรรมชาติ จะทำให้ค่าเงินของประเทศที่ได้รับผลกระทบอ่อนค่าลง
การวิเคราะห์พื้นฐานทางเศรษฐกิจ
การวิเคราะห์พื้นฐานทางเศรษฐกิจและข่าวการเมืองก็ส่งผลกระทบต่อค่าเงินในตลาด Forex

การระบุเทรนด์ในตลาด forex นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากราคาของค่าเงินอาจมีความผันผวนสูง และปัจจัยต่าง ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อแนวโน้มของค่าเงินก็มีมากมาย นักเทรดจึงควรศึกษาข้อมูลและปัจจัยต่าง ๆ อย่างรอบคอบ เพื่อให้สามารถระบุแนวโน้มได้อย่างแม่นยำและตัดสินใจซื้อขายได้อย่างเหมาะสม

ตลาดที่เกิด Trend คืออะไร?

ตลาดที่เกิด Trend คือ ตลาดที่ราคามีทิศทางการเคลื่อนไหวที่ชัดเจนและต่อเนื่อง ตัวอย่างเช่น ตลาดที่มีแนวโน้มขาขึ้น ราคาจะเคลื่อนไหวขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยหากราคามีการทะลุผ่านแนวต้านที่สำคัญไปได้ แสดงว่าแนวโน้มขาขึ้นมีความแข็งแกร่งมากขึ้น และมีโอกาสที่จะขยายตัวต่อไปได้

การเทรดบนตลาดที่เป็น Trend

ตลาดที่เกิด Trend จะช่วยในการเทรดได้ โดยช่วยให้นักเทรดสามารถคาดการณ์ทิศทางของราคาได้อย่างแม่นยำ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการกำหนดกลยุทธ์การซื้อขายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ตัวอย่างเช่น

  • เทรดตาม Trend: เป็นการเทรดโดยอาศัยแนวโน้มของราคา โดยนักเทรดจะเข้าซื้อหรือขายเมื่อราคาเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกับแนวโน้มที่คาดการณ์ไว้
  • เทรดสวน Trend: เป็นการเทรดโดยอาศัยการกลับตัวของแนวโน้ม โดยนักเทรดจะเข้าซื้อหรือขายเมื่อราคาทะลุผ่านแนวต้านหรือแนวรับที่สำคัญไปได้

อย่างไรก็ตาม ตลาดที่เกิดเทรนด์ก็มีโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ดังนั้น นักเทรดจึงควรติดตามการเปลี่ยนแปลงของราคาและปัจจัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด เพื่อให้สามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การซื้อขายได้อย่างทันท่วงที

ประโยชน์ของการเทรดในตลาดที่เป็น Trend จะช่วยให้มีโอกาสในการทำกำไรมากขึ้น

ประโยชน์ของการเทรดในตลาดที่เป็น Trend

ในตลาด Forex เมื่อใดก็ตามที่เราสามารถระบุได้ว่าตลาดกำลังอยู่ใน Trend ที่เป็นขาขึ้นหรือขาลงอย่างชัดเจน อย่างใดอย่างหนึ่ง จะมีประโยชน์ต่อการเทรดอย่างมาก ดังนี้

  • มีโอกาสทำกำไรได้มากขึ้น: เนื่องจากนักเทรดสามารถคาดการณ์ทิศทางของราคาได้อย่างแม่นยำ
  • ช่วยลดความเสี่ยง: เนื่องจากนักเทรดสามารถกำหนดจุดตัดขาดทุนได้อย่างชัดเจน
  • มีความสม่ำเสมอ: เนื่องจากเทรดตามแนวโน้มนั้นมีโอกาสที่จะทำกำไรได้มากกว่าเทรดแบบสุ่ม

อย่างไรก็ตาม นักเทรดควรตระหนักถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในการเทรดตลาดที่เกิดเทรนด์ เนื่องจากเทรนด์นั้นสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา

เครื่องมือ Indicator ที่ใช้เพื่อระบุเทรนด์

สำหรับเครื่องมือทางเทคนิคอย่าง Indicator ที่นำมาใช้เพื่อช่วยในการวิเคราะห์หาแนวโน้มของตลาดที่เกิด Trend ได้อย่างดี ที่นักเทรดนิยมใช้กันอย่างมากนั้น มีดังนี้

  • ADX (Average Directional Index)
  • Moving Averages (ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่)
  • Bollinger Bands

ซึ่งเครื่องมือแต่ละตัวจะมีคุณสมบัติที่โดดเด่นแตกต่างกัน ใครที่ชอบแบบไหนถนัดใช้ Indicator ตัวใด ก็สามารถเลือกใช้ได้จากเครื่องมือการวิเคราะห์ราคาในแพล็ตฟอร์มการเทรดได้เลย

เครื่องมือ ADX ช่วยวัดความแรงของ Trend

เครื่องมือ ADX (Average Directional Index) เป็นเครื่องมือทางเทคนิคที่ใช้ในการวัดความแรงของแนวโน้มในการเคลื่อนไหวของราคา โดยค่า ADX จะอยู่ระหว่าง 0 ถึง 100 ค่า ADX ที่ 25 หรือสูงกว่า ถือเป็นแนวโน้มที่แข็งแกร่ง ในขณะที่ค่าต่ำกว่า 20 บ่งชี้ถึงแนวโน้มที่อ่อนแอ โดยมีหลักในการพิจารณา ดังนี้

  • ค่า ADX ต่ำกว่า 20 แสดงว่าไม่มีแนวโน้ม
  • ค่า ADX อยู่ระหว่าง 20 ถึง 30 แสดงว่ามีแนวโน้มอ่อนแอ
  • ค่า ADX อยู่ระหว่าง 30 ถึง 50 แสดงว่ามีแนวโน้มปานกลาง
  • ค่า ADX สูงกว่า 50 แสดงว่ามีแนวโน้มแข็งแกร่ง

การระบุ Trend ด้วย ADX

ในการระบุตลาดที่เกิดเทรนด์ด้วยเครื่องมือ ADX นักเทรดสามารถพิจารณาจากค่า ADX ดังนี้

  • หากค่า ADX สูงกว่า 50 แสดงว่าตลาดที่เกิดเทรนด์
  • หากค่า ADX อยู่ระหว่าง 25 ถึง 50 แต่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น แสดงว่าตลาดกำลังเข้าสู่แนวโน้ม
  • หากค่า ADX อยู่ระหว่าง 25 ถึง 50 แต่มีแนวโน้มลดลง แสดงว่าตลาดกำลังออกจากแนวโน้ม
ADX (Average Directional Index) เป็นเครื่องมือทางเทคนิคที่ใช้ในการวัดความแรงของแนวโน้ม

อย่างไรก็ตาม การใช้เครื่องมือ ADX เพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอในการระบุตลาดที่เกิดเทรนด์อย่างแม่นยำ นักเทรดควรพิจารณาจากปัจจัยอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย เช่น ปริมาณการซื้อขาย ความกว้างของแท่งเทียน และแนวรับแนวต้าน

Moving Averages (MA) วัดความแข็งแกร่งของ Trend

ในการใช้เครื่องมือ Moving Averages (ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่) ในช่วงที่ตลาดเกิด Trend นั้น จะช่วยในการ “วัดความแข็งแกร่งของแนวโน้ม” ได้ โดยพิจารณาได้จากสิ่งต่อไปนี้

ทิศทางของเส้น MA:

ทิศทางของเส้น MA สามารถบ่งบอกทิศทางของแนวโน้มได้ โดยหากค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่มีทิศทางขาขึ้น แสดงว่าตลาดกำลังอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น หากค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่มีทิศทางขาลง แสดงว่าตลาดกำลังอยู่ในแนวโน้มขาลง

การวิ่งของราคาเมื่อเทียบกับ MA:

หากราคาเคลื่อนที่อยู่เหนือค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ แสดงว่าแนวโน้มนั้นมีความแข็งแกร่ง หากราคาเคลื่อนที่อยู่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ แสดงว่าแนวโน้มนั้นมีความอ่อนแอ

ราคาทะลุผ่านเส้น MA:

หากราคาทะลุผ่านค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ แสดงว่าแนวโน้มกำลังเปลี่ยนทิศทาง

Moving Averages (ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่) ช่วยในการวัดความแข็งแกร่งของแนวโน้ม

นักเทรดสามารถพิจารณาปัจจัยเหล่านี้ร่วมกัน เพื่อระบุแนวโน้มของตลาดและกำหนดกลยุทธ์การซื้อขายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

Bollinger Bands ใช้วัดความผันผวนของ Trend

Bollinger Bands เป็นเครื่องมือทางเทคนิคที่ใช้ใน “การวัดความผันผวนของราคาที่เป็น Trend”  โดยประกอบด้วยเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ Moving Average แบบ 20 วัน (SMA 20) และเส้นบนและเส้นล่าง ซึ่งเป็นเส้นมาตรฐานเบี่ยงเบนจากเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ โดยค่ามาตรฐานเบี่ยงเบนเริ่มต้นที่ 2

Bollinger Bands สามารถใช้ในการบอกเทรนด์ของตลาดที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนั้นได้ โดยพิจารณาจากสิ่งต่อไปนี้

ความกว้างของ Bollinger Bands:

  • หาก Bollinger Bands กว้าง แสดงว่าราคามีความผันผวนสูง มักเกิดขึ้นในช่วงตลาดที่มีการเทรดอย่างคึกคัก Trend ของตลาดในช่วงเวลาดังกล่าวอาจไม่สามารถระบุได้ชัดเจน
  • หาก Bollinger Bands แคบ แสดงว่าราคามีความผันผวนต่ำ มักเกิดขึ้นในช่วงตลาดที่เงียบเหงา เทรนด์ของตลาดในช่วงเวลาดังกล่าวอาจมีความชัดเจนมากขึ้น

การเคลื่อนที่ของราคากับ Bollinger Bands:

  • หากราคาเคลื่อนที่อยู่ภายในกรอบ Bollinger Bands แสดงว่าตลาดกำลังอยู่ในแนวโน้มไซด์เวย์
  • หากราคาทะลุผ่านกรอบ Bollinger Bands แสดงว่าตลาดกำลังเข้าสู่แนวโน้มใหม่
  • หากราคาทะลุผ่านเส้นกลาง Bollinger Bands แสดงว่าแนวโน้มกำลังเปลี่ยนทิศทาง
Bollinger Bands
Bollinger Bands เป็นเครื่องมือทางเทคนิคที่ใช้ในการวัดความผันผวนของราคา

ตลาด Side Way คืออะไร?

ตลาด Side Way คือ ตลาดที่ราคาเคลื่อนไหวในกรอบแคบ ๆ โดยไม่มีทิศทางที่ชัดเจน มักเกิดขึ้นในช่วงที่ปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิคไม่เอื้อต่อการเกิด Trend ตัวอย่างเช่น ตลาดที่เศรษฐกิจชะลอตัวหรือตลาดที่ยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามากระตุ้น

ลักษณะของตลาด Side Way

ในการระบุสภาพของตลาด Forex ว่าเป็นตลาด Side Way หรือไม่นั้น ให้พิจารณาจากลักษณะดังนี้

  • มีช่วงราคาแคบ: ราคาเคลื่อนไหวในกรอบแคบ ๆ โดยมักมีช่วงราคาที่ค่อนข้างจำกัด
  • Volume ต่ำ: ปริมาณการซื้อขายอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากนักลงทุนไม่มั่นใจในทิศทางของราคา
  • แท่งเทียนเล็ก: แท่งเทียนจะมีขนาดเล็ก เนื่องจากแรงซื้อและแรงขายมีกำลังใกล้เคียงกัน
  • แนวรับและแนวต้านชัดเจน: ราคามักมีการทดสอบแนวรับและแนวต้านอยู่บ่อยครั้ง

การใช้เครื่องมือทางเทคนิคที่นิยมใช้ในการระบุตลาด Side Way ได้แก่ Bollinger Bands, Average Directional Index (ADX) และ Relative Strength Index (RSI) ถือว่าเป็นตัวช่วยที่ดีทีเดียว

ข้อดี – ข้อเสีย ของตลาด Side Way

การเทรดในตลาด Forex เพื่อทำกำไร ในช่วงที่ตลาด Side Way มีข้อดีและข้อเสียดังนี้

ข้อดี:

  • มีความเสี่ยงต่ำ เนื่องจากราคาเคลื่อนไหวในกรอบแคบ ๆ ทำให้นักลงทุนมีโอกาสน้อยที่จะขาดทุน
  • สามารถใช้กลยุทธ์การเทรดได้หลากหลาย เนื่องจากตลาด Side Way ไม่มีการจำกัดทิศทางของราคา

ข้อเสีย:

  • โอกาสทำกำไรน้อย เนื่องจากราคาเคลื่อนไหวในกรอบแคบ ๆ ทำให้นักลงทุนมีโอกาสทำกำไรน้อยลง
  • ต้องใช้ความอดทนสูง เนื่องจากนักเทรดอาจต้องรอเป็นเวลานานกว่าจะเห็นผลกำไร
ตลาด Side Way
การเทรดในตลาด Forex ในช่วงที่ตลาด Side Way มีทั้งข้อดีและข้อเสีย

นักเทรดควรพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจเทรดในตลาด Side Way เนื่องจากตลาด Side Way มีโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา

ทีมงาน: forexthai.in.th

แสดงข้อคิดเห็น ให้กำลังใจ

comments