Divergence คือ สัญญาณทางเทคนิคที่บ่งชี้ว่าแนวโน้มของราคาอาจเปลี่ยนแปลง สัญญาณ Divergence เกิดขึ้นเมื่อการเคลื่อนไหวของราคาและการเคลื่อนไหวของ Oscillator เกิดในทิศทางตรงกันข้ามกัน Divergence สามารถแบ่งออกเป็นสองประเภทหลัก ได้แก่

  • Bullish Divergence:

เกิดขึ้นเมื่อราคาทำจุดต่ำสุดใหม่ในแนวโน้มขาลง แต่ Oscillator ไม่ได้ทำจุดต่ำสุดใหม่ แต่กลับมีจุดต่ำสุดที่ยกตัวขึ้น ซึ่งสัญญาณ Bullish Divergence จะเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่าแนวโน้มขาลงกำลังจะสิ้นสุดลง

  • Bearish Divergence:

เกิดขึ้นเมื่อราคาทำสูงสุดใหม่ แต่ Oscillator ไม่ได้ทำจุดสูงสุดใหม่ แต่กลับมีจุดสูงสุดที่ลดระดับต่ำลง ซึ่งสัญญาณ Bearish Divergence จะเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่าแนวโน้มขาขึ้นกำลังจะสิ้นสุดลง

สารบัญบทความ click เพื่อเลือกอ่าน !!

Divergence ในตลาด Forex มี 2 แบบ

ในตลาด Forex ที่มีสินทรัพย์ให้เลือกเทรดอย่างมากมายนั้น โดยทั่วไปแล้ว Divergence ที่เกิดขึ้น จะมีอยู่ด้วยกัน 2 ประเภท ดังนี้

  • Regular Divergence = ไดเวอร์เจนท์ปกติ
  • Hidden Divergence = ไดเวอร์เจนท์แฝง

Regular Divergence

Regular Divergence คือ สัญญาณ Divergence ปกติ ที่จะเกิดขึ้นเมื่อ “ราคาทำจุดสูงสุดหรือต่ำสุดใหม่ แต่ Oscillator ไม่ได้ทำจุดสูงสุดหรือต่ำสุดใหม่” สัญญาณ Regular Divergence สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทย่อย ได้แก่

  • Bullish Regular Divergence:

เกิดขึ้นเมื่อราคาทำจุดต่ำสุดใหม่ แต่ Oscillator ไม่ได้ทำจุดต่ำสุดใหม่ สัญญาณ Bullish Divergence ปกติบ่งชี้ว่าแนวโน้มขาลงอาจสิ้นสุดลง

  • Bearish Regular Divergence:

เกิดขึ้นเมื่อราคาทำจุดสูงสุดใหม่ แต่ Oscillator ไม่ได้ทำจุดสูงสุดใหม่ สัญญาณ Bearish Divergence ปกติบ่งชี้ว่าแนวโน้มขาขึ้นอาจสิ้นสุดลง

Bullish และ Bearish Regular Divergence
ลักษณะของ Bullish Regular Divergence และ Bearish Regular Divergence

สัญญาณ Divergence ที่แม่นยำ มักจะเกิดขึ้นพร้อมกับสัญญาณอื่น ๆ ของ Indicator นอกจากนี้ Divergence ยังสามารถเกิดขึ้นได้หลายครั้งในแนวโน้มเดียวกัน โดยสัญญาณที่เกิดขึ้นครั้งแรกอาจไม่บ่งชี้ถึงจุดเปลี่ยนแนวโน้ม แต่สัญญาณที่ตามมาอาจบ่งชี้ถึงจุดเปลี่ยนแนวโน้มได้

Hidden Divergence

Hidden Divergence คือ สัญญาณ Divergence แฝง ที่จะเกิดขึ้นเมื่อ “ราคาทำจุดสูงสุดหรือต่ำสุดใหม่ แต่ Oscillator ไม่ได้ทำจุดสูงสุดหรือต่ำสุดใหม่” สัญญาณ Divergence ประเภทนี้ มีความน่าเชื่อถือน้อยกว่า Divergence ปกติ แบ่งออกเป็น 2 ประเภทย่อย ได้แก่

  • Hidden Bullish Divergence:

เกิดขึ้นเมื่อราคาทำจุดต่ำสุดใหม่ แต่ Oscillator กำลังทำจุดต่ำสุดใหม่ สัญญาณ Hidden Bullish Divergence แฝงบ่งชี้ว่าแนวโน้มขาลงอาจสิ้นสุดลง

  • Hidden Bearish Divergence:

เกิดขึ้นเมื่อราคาทำจุดสูงสุดใหม่ แต่ Oscillator กำลังทำจุดสูงสุดใหม่ สัญญาณ Hidden Bearish Divergence แฝงบ่งชี้ว่าแนวโน้มขาขึ้นอาจสิ้นสุดลง

ลักษณะของ Hidden Bullish Divergence และ Hidden Bearish Divergence

การระบุ Divergence แฝงสามารถทำได้โดยการวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของราคาและการเคลื่อนไหวของ Oscillator โดยหากราคาทำจุดสูงสุดหรือต่ำสุดใหม่ แต่ Oscillator กำลังทำจุดสูงสุดหรือต่ำสุดใหม่ ก็อาจบ่งชี้ถึง Divergence แฝงได้

Divergences ใช้ในการเทรดได้อย่างไร?

Divergences สามารถใช้ในการเทรดได้หลายวิธี อย่างเช่น ใช้เพื่อระบุจุดเปลี่ยนของแนวโน้ม รวมทั้งใช้ร่วมกับเครื่องมืออื่น ๆ เพื่อประกอบการตัดสินใจเป็นต้น ต่อไปนี้เป็นแนวทางในการใช้ Divergences ช่วยเทรด

  • ระบุแนวโน้มของตลาดก่อน: ก่อนที่จะเทรดด้วย Divergences คุณควรระบุแนวโน้มของตลาดก่อน โดยแนวโน้มของตลาดที่กำลังเกิดขึ้นนั้น กำลังวิ่งเป็นแนวโน้มขาขึ้นหรือแนวโน้มขาลง
  • เลือก Oscillator: การเลือก Oscillator ที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญในการเทรดด้วย Divergences มี Oscillator หลายประเภทที่สามารถใช้เพื่อระบุ Divergences ได้ ที่นิยมใช้กัน ได้แก่ RSI, MACD และ Stochastic Oscillator
  • ระบุ Divergences: เมื่อคุณเลือก Oscillator ได้แล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการระบุ Divergences โดย Divergences เกิดขึ้นเมื่อการเคลื่อนไหวของราคาและการเคลื่อนไหวของ Oscillator เกิดในทิศทางตรงกันข้ามกัน
  • ยืนยันสัญญาณ: เมื่อระบุ Divergences ได้แล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการยืนยันสัญญาณ โดยคุณสามารถใช้เครื่องมืออื่น ๆ ร่วมกับ Divergences เพื่อยืนยันสัญญาณ เช่น เส้นแนวโน้มหรือ Fibonacci Retracement
  • กำหนดจุดเข้าออก: เมื่อคุณยืนยันสัญญาณแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการกำหนดจุดเข้าออก โดยคุณสามารถกำหนดจุดเข้าออกโดยพิจารณาจากระดับราคาหรือสัญญาณจากเครื่องมืออื่น ๆ
ตัวอย่างการใช้ Divergences ในการเทรดในคู่เงิน EUR/USD

สมมติว่าราคา EUR/USD กำลังอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นและราคาทำจุดสูงสุดใหม่ จากนั้นราคา EUR/USD ยังคงวิ่งขึ้นต่อและมีจุดสูงสุดใหม่ แต่ Oscillator ไม่ได้ทำจุดสูงสุดใหม่ สัญญาณ Divergences ที่เกิดขึ้น บ่งชี้ว่าแนวโน้มขาขึ้นของราคา EUR/USD อาจสิ้นสุดลง

กำหนดจุดเข้าขาย EUR/USD เพื่อเก็งกำไรในแนวโน้มขาลง โดยกำหนดจุดเข้า Sell ที่บริเวณราคา EUR/USD ทะลุผ่านแนวรับของแนวโน้มขาขึ้น หรืออาจกำหนดจุดเข้าขายที่บริเวณที่ราคา EUR/USD ปรับตัวสูงขึ้นเหนือระดับราคาของ Divergences

Divergences เป็นเครื่องมือทางเทคนิคที่ทรงพลังที่สามารถใช้ในการเทรดได้ แต่นักเทรดควรใช้อย่างระมัดระวังและควรใช้ร่วมกับเครื่องมืออื่น ๆ เพื่อประกอบการตัดสินใจ

แนวคิดในการใช้ Divergence ช่วยเทรด

จงอย่าลืมว่า Divergences เป็นเพียงสัญญาณหนึ่งที่ช่วยบ่งชี้ถึงจุดเปลี่ยนแนวโน้มได้ แต่สัญญาณ Divergences ก็ไม่ได้แม่นยำเสมอไป นักเทรดควรพิจารณาปัจจัยอื่น ๆ ประกอบการตัดสินใจด้วย โดยมีแนวคิดที่สำคัญดังนี้

  • ใช้ Divergences ร่วมกับเครื่องมืออื่น:

Divergences เป็นเพียงสัญญาณทางเทคนิคอย่างหนึ่งเท่านั้น และสัญญาณ Divergences ก็ไม่ได้แม่นยำเสมอไป นักเทรดควรใช้เครื่องมืออื่น ๆ ร่วมกับ Divergences เพื่อประกอบการตัดสินใจ

  • เลือก Oscillator ที่เหมาะสม:

RSI เป็น Oscillator ที่ได้รับความนิยมใช้ในการระบุ Divergences สัญญาณ Bullish Divergence ที่เกิดขึ้นจาก RSI บ่งชี้ว่าแนวโน้มขาลงอาจอ่อนกำลังลงหรือสิ้นสุดลง

  • ต้องมี Stop Loss ทุกครั้ง:

ในการควบคุมความเสี่ยง เมื่อมีการตัดสินใจเปิดออเดอร์ตามสัญญาณ Divergences แล้ว การใช้ Stop Loss จะช่วยจำกัดความเสี่ยงในการเทรดของคุณ

Divergences ควรใช้ร่วมกับเครื่องมืออื่น ๆ เพื่อประกอบการตัดสินใจ

โดยสรุปแล้ว Divergences เป็นเครื่องมือทางเทคนิคที่ทรงพลังที่สามารถใช้ในการเทรดได้ แต่นักเทรดควรใช้อย่างระมัดระวังและควรใช้ร่วมกับเทคนิคและเครื่องมืออื่น ๆ เพื่อประกอบการตัดสินใจ

ทีมงาน Forexthai.in.th

แสดงข้อคิดเห็น ให้กำลังใจ

comments