ถ้าหากเราดูทีวี หรือฟังการวิเคราะห์ของนักลงทุน นักวิเคราะห์ของสถาบันการเงินที่มีชื่อเสียง คำว่า แนวรับ แนวต้าน จะเป็นคำที่เราได้ยินบ่อย ๆ โดยเฉพาะเมื่อตนเองเปิดไปที่รายงานเรื่องหุ้นต่าง ๆ จะเข้าใจว่า ค่าทั้งสองค่านี้ ต่างมีผลอย่างมากต่อการวางแผน หรือการใช้กลยุทธ์ในการเทรดหุ้น และการเทรด forex ดังนั้น เพื่อให้คุณมีความเข้าใจที่มากขึ้นเกี่ยวกับ 2 คำนี้ บทความนี้เราจะมาศึกษาถึงคำศัพท์สองคำนี้กันครับ

แนวรับ คืออะไร

แนวรับ คือ เส้นที่ถูกลากขึ้นมา เนื่องจากราคาหุ้นนั้นไม่ผ่านจุดของราคานี้ลงไปเลย เช่น แนวรับที่ 2.34535 ตีความได้ว่า ราคาก็จะไม่ลงต่ำกว่า 2.34535 ทำให้พอทำนายได้ หากเมื่อถึงจุดที่ราคาวิ่งไปใกล้กับเส้น 2.34535 ราคาก็จะเด้งกลับ ทำให้เราสามารถเปิด Buy ได้อย่างปลอดภัย

แนวต้าน คืออะไร

แนวต้าน คือ มีความหมายที่ตรงกันข้ามกับแนวรับครับ จะเป็นจุดที่ราคาไปสูงสุด และไม่เคยไปเกินกว่านี้ ซึ่งการลากเส้นแนวต้านนั้นก็ใช้หลักเทรนไลน์ยอดสูงสุด 3 ยอดมาเป็นตัววัด เช่นราคาไม่เคยเกิน 2.34535 แปลว่า ถ้าราคาขึ้นมาสูงใกล้เส้น 2.34535 คุณก็สามารถที่จะเปิดราคา Sell ตามลงไปได้นั่นเอง

ประเภทของแนวรับแนวต้าน

นอกจากเราจะต้องรู้ว่า แนวรับแนวต้านคืออะไรแล้ว ในบทความนี้เราจะต้องพูดถึงประเภทของแนวรับแนวต้าน ประเภทของแนวรับแนวต้านนั้น ไม่มีที่ไหนจะบรรยาย และแบ่งองค์ประกอบได้เหมือนที่นี่อีกแล้ว เพราะว่า ผมแบ่งประเภทของ แนวรับ แนวต้าน ตามประสบการณ์ การเทรด

ในการเทรดนั้นเราสามารถแบ่งประเภทของแนวรับแนวต้าน ได้ 2 รูปแบบ คือ แนวรับแนวต้านตามความชันของกราฟ และแนวรับแนวต้านตามแนวราบ

เรามาดูกันที่รูปแบบแรกก่อน คือ แนวรับแนวต้านตาความชันของกราฟ คำว่า แนวรับแนวต้าน ไม่ได้หมายความว่า มันจะต้องเป็นเส้นตรงเสมอไป มันอาจจะอยู่ในเส้นเทรนด์ไลน์ก็เรียกว่า แนวรับแนวต้านได้เช่นกัน การใช้ Trend line เป็นแนวรับแนวต้าน ทำให้เรามีทางเลือกในการเทรดมากขึ้น

เส้นแนวรับแนวต้าน
แนวรับแนวต้านใน Trendline

นอกจากนี้ยังสามารถใช้มันประกอบการวิเคราะห์ทำให้การเทรดของเรามีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยไม่ต้องจำกัดตัวเองอยู่ในระดับของการเทรดแบบ Horizontal line เท่านั้น ตัวอย่างของ เส้นแนวรับแนวต้านใน Trend Line ในภาพข้างต้น การใช้ แนวรับแนวต้าน ไม่ได้หมายความว่า มันจะต้องใช้เป็นกรอบราคาที่ไม่สามารถผ่านได้

แต่ว่า เราต้องตั้งเป็นช่วงราคามากกว่าที่จะเป็นจุดตายตัว เนื่องจาก พื้นที่ของราคาที่มีความแข็งแกร่งนั้นไม่เคยแน่นอน เพื่อให้มันชัดเจนและใช้งานได้ง่าย ต้องใช้เป็นกรอบบริเวณนั้น และใช้เทคนิคการตั้ง Stop loss ให้ห่างในระยะที่เหมาะสมจะมีความถูกต้องกว่า

ประเภทของแนวรับแนวต้านแบบเส้นตรง คืออีกประเภทหนึ่งที่เราต้องให้ความสำคัญ เพราะว่า แนวรับแนวต้านแบบเส้นตรงเป็นรูปแบบที่วิเคราะห์ได้ง่าย และเป็นรูปแบบดั้งเดิมของการวิเคราะห์แนวรับแนวต้าน ตามรูปต่อไปนี้

แนวรับแนวต้าน
แนวรับแนวต้านแบบราบ

แนวรับแนวต้านแบบราบนี้ ใช้งานได้ไม่แตกต่างจากแนวรับแนวต้านแบบเทรนด์ไลน์ สิ่งที่ต้องระวังเกี่ยวกับการใช้งานแนวรับแนวต้านอย่างหนึ่ง คือ การใช้แนวรับแนวต้นเป็นแค่ Zone เช่นเดียวกัน จากรูปข้างต้นตอนท้าย ๆ จะเห็นว่า มันทะลุกรอบมาและสิ่งที่เราไม่ควรลืมเลยก็คือ การตั้ง Stop loss ในการเทรดแบบใช้แนวรับแนวต้าน

รูปแบบของแนวรับแนวต้าน

เราพูดถึงประเภทของแนวรับแนวต้านกันไปแล้ว เรามาพูดถึงประเภทของแนวรับแนวต้านกันบ้างกันดีกว่า หลายคนอาจจะไม่คิดว่า แนวรับแนวต้านอาจจะใช้ได้หลายรูปแบบ ดังต่อไปนี้

  1. รูปแบบของเครื่องมือประเภทวาดเอง – รูปแบบแนวรับแนวต้านของกลุ่มเครื่องมือที่ใช้ในกลุ่มนี้ได้แก่ Horizontal Line รูปแบบ Trend Line เครื่องมือประเภท Fibonnacci Retracement เครื่องมือประเภท Elliot Wave ก็สามารถใช้เป็นแนวรับแนวต้นได้
  2. รูปแบบกำหนดตายตัว – รูปแบบกำหนดตายตัว ของเครื่องมือได้แก่ รูปแบบราคา Price Pattern  ตัวอย่างของการเกิดรูปแบบ Double Top และ Double Bottom เราสามารถใช้รูปแบบของมันเป็นจุดแนวรับแนวต้าน หรือ รูปแบบหัวและไหล่ ในการกำหนดแนวรับแนวต้านของราคา รูปแบบกราฟแท่งเทียนบางประเภท หรือรูปแบบอื่น ๆ ซึ่งรูปแบบเหล่านี้ตายตัว
  3. รูปแบบ indicator – รูปแบบ indicator นั้นก็สามารถแยกย่อยเป็นอีก 2 รูปแบบย่อยได้แก่ รูปแบบของ indicator ประเภท oscillator และรูปแบบของ indicator ที่เป็น Trend Following เช่น  การใช้ Moving Average ในการสร้างแนวรับแนวต้าน เราสามารถใช้เส้น Moving Average ความเร็วที่แตกต่างกันสร้างแนวรับแนวต้านที่ 1 และที่ 2 ได้ หรือแม้แต่การใช้ Stochastic ในการวัดแนวรับแนวต้าน ผ่าน Overbought และ Oversold Zone ในการกำหนด ซึ่งสามารถทำได้เช่นกัน

รูปแบบของแนวรับแนวต้านที่กำหนด่มาดังกล่าว เทรดเดอร์มีหน้าที่จะต้องศึกษาและทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง เพราะว่า ถ้าหากเราศึกษาไม่ลึกในเครื่องมือใดแล้วเราจะเกิดความสับสนในการเทรด เราต้องใช้เครื่องมือจำเพาะเจาะจง และชำนาญ ไม่เปลี่ยนไปเปลี่ยนบ่อย จนทำให้ไม่เข้าใจอะไรจริงจังสักอย่าง

ประโยชน์ของ การรู้เรื่องเส้น แนวรับ แนวต้าน

1.สามารถใช้หาจุดในการเปิดสัญญา Buy หรือ สัญญา Sell ได้อย่างง่ายๆ เพียงแค่ดูว่าราคาเข้าใกล้สู่เส้นแนวรับแนวต้านมากน้อยเพียงใด เป็นต้น แต่ว่าคุณอาจต้องใช้คู่กับอินดี้ตัวอื่นๆ ด้วยนะครับ ไม่ใช่ใช้แค่ตัวเดียวแล้วจบเลย

2.ช่วยให้มองเห็นกรอบราคาของการวิ่งได้ ข้อดีประการต่อมาคือช่วยให้เรามองเห็นกรอบราคาของการวิ่งไปได้อย่างชัดเจน ตรงนี้เรามักจะลากทั้งเส้นแนวรับและเส้นแนวต้านควบคู่กันไปพร้อมๆกันนั่นเองครับ

แนวรับแนวต้านคืออะไร forex
แนวรับแนวต้าน

การหา indicator มาช่วยในการหาเส้นแนวรับและแนวต้าน

1.คุณสามารถใช้ Fibonacci ในการหาเส้นแนวรับแนวต้านได้ด้วยเช่นเดียวกัน และสามารถทำนายกรอบแนวรับ แนวต้านได้ค่อนข้างแม่นยำมากๆเสียด้วย

2.คุณสามารถใช้การลากเส้นเทรนไลน์ โดยการกำหนดยอด สูงสุดของราคา 3 จุดแล้วลากเส้น หรือ ยอดต่ำสุดของราคา 3 จุดแล้วลากเส้น เพื่อหาแนวรับแนวต้านก็สามารถทำได้

3.ใช้เส้น MA ข้อนี้ง่ายที่สุดครับ คือการใช้เส้น SMA ในการหาแนวรับและแนวต้าน ซึ่งไม่น่าเชื่อว่ามืออีพมากมายบางทีก็ใช้แค่เส้น MA นี่ละครับ

สรุป

ตลอดการเทรด forex ของคุณ คุณไม่มีทางที่จะหนีได้เลยกับคำว่าแนวรับ และแนวต้าน ดังนั้น จงเตรียมพร้อมที่จะทำความเข้าใจและพร้อมที่จะศึกษาเรื่องของการใช้เครื่องมือหรือกลยุทธ์ใดๆ เพื่อการเขียนเส้นแนวรับและแนวต้านออกมาให้ได้ แล้วมันจะช่วยให้คุณเทรด forex ง่ายขึ้น มีความสะดวกขึ้นในการเทรด มากกว่าที่จะปฏิเสธ แน่นอนว่ามันไม่มีกลยุทธ์ใด ที่มีความยั่งยืน หรือเทรดได้ 100 % แต่ว่าสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้เมื่ออยู่รวมกันก็จะทรงพลังมากขึ้น

Block "editor-web-master" not found

ทีมงาน: forexthai.in.th

แสดงข้อคิดเห็น ให้กำลังใจ

comments