คือ การเทรดแบบที่ฝรั่งเรียกว่า Trend Following ซึ่งเป็นรูปแบบการลงทุนแบบพื้นฐานแบบหนึ่ง ที Trader Forex จำเป็นต้องเข้าใจ เนื่องจากเป็นวิธีการลงทุน ที่หลายสถาบันการเงิน กองทุน และนักลงทุนในอดีตจนถึงปัจจุบันใช้กัน เนื่องจากมีประสิทธิภาพ สามารถสร้างผลตอบแทนให้เป็นบวกได้ในระยะยาว
สารบัญบทความ click เพื่อเลือกอ่าน !!
ความหมายของ เทรดตามแนวโน้ม (Trend Following)
คือ “การลงทุน ภายใต้สมมุติฐาน ที่ว่า ราคาของค่าเงินจะเคลื่อนที่ไปตามแนวโน้มหลักของมัน จนกว่าแนวโน้มหลักของมันได้เปลี่ยนแปลงไป ในทิศทางอื่นๆ”
Trend is your friend คำพูดเดิมๆ ซ้ำๆ ที่เหล่าเทรดเดอร์มือเก๋าชอบพูดกัน ซึ่งที่เหล่าเทรดเดอร์หลายคนพูดถึงแต่สิ่งนี้ก็เพราะว่า การเทรดตามแนวโน้มนั้นจะทำให้เราเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถชนะตลาดได้อย่างยั่งยืน
“ข้อผิดพลาดของเทรดเดอร์หลายคนคือพยายามจะจับจังหวะเล็กๆการแกว่งตัวของราคา จนลืมดูภาพใหญ่ – Jack schwager”
- ในแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) : ขนาดการแกว่งตัวขึ้นของราคา มากกว่าขนาดการแกว่งตัวลง
- ในแนวโน้มขาลง (Downtrend) : ขนาดการแกว่งตัวลงของราคา มากกว่าขนาดการแกว่งตัวขึ้น
หลักการเทรดตามแนวโน้ม
เมื่อเรารู้จักการดูแนวโน้มขาขึ้นและขาลงแล้ว ตามทฤษฎี Dow theory กล่าวไว้ว่า แนวโน้มจะจบก็ต่อเมื่อมีการเปลี่ยนทิศทางของราคาที่ชัดเจน ดังนั้นการเทรดตามแนวโน้มทำให้เราสามารถทำกำไรได้อย่างปลอดภัยมากกว่าเทรดสวนแนวโน้ม
ในการเทรดตามแนวโน้มเรามีโอกาสทำกำไรได้หลายครั้งในการเล่นระยะสั้น ใน time frame 1Hr. หรือ 4Hr. เนื่องจากพฤติกรรมการวิ่งของกราฟนั้น ย่อมมีการแกว่งขึ้น-ลงเสมอ การเทรดตามแนวโน้มคือการเปิดออเดอร์ตามฝั่งแนวโน้มโดยหาจังหวะเข้าที่เหมาะสม
แนวโน้มขึ้น
“ขนาดการแกว่งตัวขึ้นของราคา มากกว่าขนาดการแกว่งตัวลง”
เมื่อมีการแกว่งตัวลงของราคาเราจะเปิดออเดอร์ Buy ในทุกๆรอบ อาจจะเปิดแล้วรันยาว หรือเปิด-ปิดระยะสั้นก็แล้วแต่จำนวนหลักประกัน และลักษณะการเทรดของแต่ละคน จนกว่าจะเกิดสัญญาณ Divergent ว่าจะมีการเปลี่ยนรูปแบบแนวโน้ม
การเกิด Divergent แล้วเข้าสู่ช่วง Sideway ไม่ได้แปลว่าจบเทรนขาขึ้น อาจจะเป็นการพักตัวของกราฟหรือจะเป็นการเปลี่ยนแนวโน้มก็เป็นได้ ทั้งนี้นักเทรดควรใช้ indicator เข้ามาจับว่าขณะนี้กำลังจะเกิดการเปลี่ยนแนวโน้มหรือยังและคอยเฝ้าระวังไว้เพื่อให้ได้กำไรมากที่สุด
กราฟตัวอย่าง USDCAD ในช่วงแนวโน้มขาขึ้น ช่วงแรกในการขึ้น 350 pips และตามด้วยการย่อตัวลงมา 150 pips และขึ้นต่อที่ 600 pips และย่อตัวลงมา 250 pips และขึ้นรอบใหญ่ที่ 1450 pips ใครที่เล่นฝั่ง Long ก็จะได้เปรียบกว่าค่อนข้างเยอะกว่า
แนวโน้มขาลง
“ขนาดการแกว่งตัวลงของราคา มากกว่าขนาดการแกว่งตัวขึ้น”
การเทรดในแนวโน้มขาลงก็เช่นเดียวกัน เราสามารถเปิดออเดอร์ Sell ตามแนวโน้มได้ในจังหวะย่อของกราฟ เมื่อมีช่วงกราฟสูงขึ้นเราก็เปิดออเดอร์ได้ทุกครั้ง และปล่อยให้กราฟรันลงมาตามเทรดขาลง เนื่องจากขณะอยู่ในเทรนขาลง จะไม่มีการเกิด New Hight ได้ ทำให้เราสามารถหาจุดเปิดออเดอร์ได้ไม่ยากนัก
จากกราฟตัวอย่าง USDJPY ในแนวโน้มขาลง ขนาดในการลงโดยรวมแล้ว มากกว่าขนาดการขึ้น ค่อนข้างเยอะ ซึ่งแสดงให้ชัดว่าฝั่ง Short (Sell) ได้เปรียบกว่าฝั่ง Long (Buy) ค่อนข้างเยอะ เทรดเดอร์ที่ดีก็ไม่ควรไปสวน Short ควรอยู่ฝั่งที่ได้เปรียบจะดีกว่า
สรุป
ข้อได้เปรียบของการเทรดตามแนวโน้ม คือ “รอหน่อยก็ยังได้กำไร” เช่น หากเป็นเทรนขาลง แม้เราจะเปิดออเดอร์ตอนที่ราคาเราอยู่ในจุดต่ำสุดในช่วงเทรนขาลงแล้วขาดทุนในช่วงแรก ยังไงราคากราฟก็จะยังคงวิ่งไปตามแนวโน้มใหญ่และกลับมาบวกได้อยู่ดี
ดังนั้นถ้าอยากได้เปรียบในการเทรดเราก็ควรจะอยู่ฝั่งเดียวกับแนวโน้ม ซึ่งจะเพิ่มประสิทธิภาพในการเทรดของเราได้อย่างมีดี Winrate สูงขึ้น RR สูงขึ้น
Block "editor-web-master" not found
ทีมงาน: forexthai.in.th
